กาญจนบุรี - นายอำเภอท่าม่วง ลงพื้นที่ติดตามการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ชุมชนรอบโรงงานผลิตสายไฟชื่อดังหลังพบคลัสเตอร์ใหญ่ ขณะที่โรงงานเตรียมตั้งศูนย์พักคอยเพิ่ม สั่งวัคซีนซิโนฟาร์มฉีดให้แรงงานพร้อมครอบครัว 2.5 หมื่นโดส
จากกรณีนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี ลงนามในประกาศคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 4029/2564 เรื่อง ปิดบริษัท เอสอีดับเบิ้ลยูที กาญจนบุรี จำกัด เลขที่ 188 หมู่ 9 ตำบลพังตรุ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นการชั่วคราว ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นโรงงานผลิตสายไฟสำหรับยานพาหนะ โดยคำสั่งปิดมีผลตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สำหรับโรงงานแห่งนี้มีแรงงานรวมกันทั้งหมด จำนวน 3,334 คน เป็นคนไทย 963 คน แรงงานชาวพม่า จำนวน 2,367 คน และชาวญี่ปุ่น จำนวน 4 คน
ล่าสุด วันนี้ (25 ส.ค.) นายฑรัท เหลืองสอาด นายอำเภอท่าม่วง พร้อมด้วยสาธารณสุขอำเภอท่าม่วง ร่วมกับ ผอ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (ผอ.รพ.สต.) บ้านห้วยไร่ นายธนะรัตน์ จันทร์เพ็ญ นายก อบต.พังตรุ นางนิตยา จันทร์เพ็ญ รองนายก อบต.พังตรุ และกำนัน ต.พังตรุ ได้เดินทางไปที่โรงเรียนบ้านห้วยไร่ หมู่ 9 ต.พังตรุ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี สถานที่บริษัทฯ ใช้เป็นจุดบริการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบโรงงานกว่า 500 คน ในเชิงรุกด้วยชุด Antigen Test Kit หรือ ATK ในการตรวจหาเชื้อ โดยมี นายสมศักดิ์ งามจรรยาภรณ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายโรงงาน นายคเชนทร์ การุณรังษีวงศ์ รองผู้จัดการโรงงานของบริษัท เอสอีดับเบิ้ลยูที กาญจนบุรี จำกัด ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ นายฑรัท เหลืองสอาด นายอำเภอท่าม่วง เปิดเผยภายหลังว่า วันนี้ทางโรงงานได้มาทำการตรวจประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบโรงงาน จำนวนประมาณ 500 คน ด้วยชุดตรวจ ATK เพื่อรีบคัดแยกผู้ติดเชื้อออกไปทำการรักษาโดยเร็วที่สุด เพื่อสกัดกั้นเชื้อไม่ให้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง ซึ่งภายหลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้สั่งปิดโรงงานเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางโรงงานได้ดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดทั้งในโรงงานและหอพักร่วมกับคู่ธุรกิจคือ บ.STS และ บ.ไทยพาวเวอร์ พร้อมกันนี้ ทางโรงงานยังมีมาตรการและวิธีการดูแลพนักงาน โดยจะทำการสั่งจองวัคซีนยี่ห้อซิโนฟาร์ม มาฉีดให้พนักงานและครอบครัวที่มีอยู่ด้วยกันประมาณ 12,500 คน คนละ 2 โดส รวม 25,000 โดส
โดยผู้แทนบริษัทให้การยืนยันว่าจะดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่จังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจน้อยที่สุด ตลอดจนพนักงาน รวมทั้งราษฎรในพื้นที่เกิดความเชื่อมั่นต่อมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในโรงงานหรือสถานประกอบการที่ ศบค.กำหนด
ในส่วนของแรงงานต่างด้าวทางโรงงานมีหอพักที่เป็นสัดส่วนอยู่ในโรงงาน จำนวน 1,200 ห้อง และด้านข้างโรงงานอีก 120 ห้อง ซึ่งมี รปภ.ดูแลตลอด 24 ชม. สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ติดโควิด-19 มีการรักษาและกักตัวในห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วน 420 ห้อง มีแพทย์จาก รพ.สต.บ้านห้วยไร่ เข้าไปดูแล ทางโรงงานมียาฟ้าทะลายโจร มีที่วัดออกซิเจน และที่วัดอุณหภูมิให้พร้อม และมีอาหารดูแลพนักงานทั้ง 3 มื้อ อย่างไรก็ตามทางโรงงานยังจะจัดตั้งศูนย์พักคอยเพิ่มเติมอีก โดยทำเป็นโดม สามารถรองรับได้ 200 เตียง
จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกเพื่อหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ผลตรวจเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อเป็นคนไทย 92 ราย และแรงงานต่างด้าว 473 ราย ซึ่งหลังจากวันนั้นพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง โดยเป็นคนไทยประมาณ 30 คน และเป็นแรงงานต่างด้าวมากกว่า 100 คน จึงทำให้ปัจจุบันมีคนงานติดเชื้อสะสมกว่า 700 คน
สำหรับผู้ติดเชื้อที่เป็นคนไทยได้เข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 และโรงพยาบาลสนาม อ.ด่านมะขามเตี้ย และบางส่วนไปรักษาที่จังหวัดต่างๆ ตามที่โรงงานมีเครือข่ายอยู่ ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่มาก ทางโรงงานได้จัดตั้งศูนย์พักคอยไว้บริเวณด้านหลังของโรงงาน และได้ทำการแยกกักรักษาตัว ซึ่งแยกออกจากแรงงานที่ตรวจไม่พบเชื้อ ตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยมีเจ้าหน้าที่ รพ.สต.บ้านห้วยไร่ เข้าไปดูแลและให้คำแนะนำในด้านต่างๆ
ขณะที่แรงงานที่ติดเชื้อประมาณ 300-400 คน ได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสนามเขาชนไก่ โดยมีทหารกองพลทหารราบที่ 9 นำรถมาทยอยรับแรงงานดังกล่าวไปรักษาวันละประมาณ 100 คน เพื่อความปลอดภัยทั้งแรงงานและผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งทางอำเภอท่าม่วงจะติดตามและกำกับการดำเนินการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
ด้านนางเหรียญ นาคโต 1 ในประชาชนซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่บริเวณหน้าโรงงาน กล่าวว่า หลังจากที่ทางโรงงานได้ทำการตรวจหาเชื้อให้ตนและครอบครัว พบว่า ไม่มีใครในครอบครัวติดเชื้อ ซึ่งทำให้ตนรู้สึกสบายใจขึ้นมาก และคลายความวิตกกังวล แต่มีญาติๆ ของตนที่ทำงานในโรงงานดังกล่าวติดเชื้อ ซึ่งได้เข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลสนามด่านมะขามเตี้ยไปก่อนหน้านี้แล้ว