ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจกองปราบปรามรวบตัว “อ.ไทเกอร์” หลังหลอกล่ออาเสี่ยอาซ้อที่หวังรวยทางลัดร่วมลงทุนเทรดเงินสกุลต่างประเทศ เผยมีผู้เสียหายสูญเงินจำนวนมาก ขณะที่ถูกจับมีนักธุรกิจชาวขอนแก่นบุกทวงเงินกว่า 2 ล้านบาทคืนถึงโรงพัก
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่ สภ.เวฬุวัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น พ.ต.อ.รุงศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน และ พ.ต.ท.มนตรี ทองนอก รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เวฬุวัน นำตัว นายไผทรัฐ รัญมาศรี อายุ 40 ปี หรือที่รู้จักในนาม อาจารย์ไทเกอร์ อยู่บ้านเลขที่ 111 ม.8 ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 148/ 2564 ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2564 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และข้อหากู้เงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ออกจากห้องควบคุมมาทำการสอบสวน
พ.ต.อ.รุงศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน เปิดเผยภายหลังการสอบสวนผู้ต้องหาว่า เนื่องจากในช่วงปี 2562 ถึงเดือนกันยายน 2563 นายไผทรัฐได้มาเปิดบริษัทชื่อ บริษัท เอเอฟเอ กรุ๊ป จำกัด อยู่ที่บ้านท่อน หมู่ 8 ต.โนนท่อน อ.เมือง จ.ขอนแก่น เปิดสอนและให้คำปรึกษา พร้อมวางแผนการเงินและดูแลการลงทุนเป็นการส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือผู้มารับคำปรึกษาให้มีการวางแผนการเงิน พร้อมกันนั้นได้เชิญชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนเทรดเงินสกุลเงินต่างประเทศ
โดยเฉพาะเงินสกุลดอลลาร์ เป็นการเก็งกำไรจากการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งการลงทุนนั้นมีประชาชนในทุกสาขาอาชีพเข้าร่วมรับการอบรม โดยผู้เสียหายที่สนใจจะนำเงินมามอบให้ผู้ต้องหาที่บริษัทหรือโอนให้ผู้ต้องหาเพื่อให้ผู้ต้องหาเทรดเงินให้ ส่วนการเทรดเงินนั้น คนที่นำเงินมาร่วมทุนจะได้ส่วนแบ่งมากน้อยอยู่ที่ส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนของเงินดอลลาร์ในแต่ละวัน แต่จะได้ไม่ต่ำกว่า 60% และทางฝ่ายผู้ต้องหาจะได้ 40%
ผกก.สภ.เวฬุวันกล่าวอีกว่า นายไผทรัฐ ในฐานะกรรมการผู้จัดการ มีการสอนและชักชวนประชาชนมาร่วมทุน โดยมีการเชิญคนมีชื่อเสียงมาเป็นวิทยากรอบรม มีคนมาเข้ารับการอบรมจำนวนไม่น้อย จึงมีคนหลงเชื่อจำนวนมาก แต่มีคนกล้าเข้าแจ้งความเพียง 12 ราย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 19 ล้านบาท และในการที่ประชาชนกล้านำเงินมาเทรดก็เพราะผู้ต้องหารับประกันทุนที่ลงได้กำไรแน่นอน ผู้เสียหายที่หลงเชื่อนำเงินมาร่วมทุนร่วมเทรด ซึ่งในช่วงต้นได้ผลตอบแทนดีทุกราย
แต่ในช่วงปลายปี 2563 ไม่ได้ผลตอบแทนและถอนทุนคืนไม่ได้ ผู้เสียหายทวงถามก็เพิกเฉย และปิดบริษัทหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงาน สภ.เวฬุวัน จำนวน 12 ราย ให้ทำการสืบสวนจับกุม นายไผทรัฐ รัญมาศรี อายุ 40 ปี มาดำเนินการตามกฎหมาย
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และว่า มีการสอบ มีการอบรมจริง แต่การลงทุนประชาชนเต็มใจนำเงินมาร่วมเทรดเองไม่ได้มีการชักชวนแต่อย่างใด ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การ เพราะพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและขอศาลออกหมายจับตามพยานหลักฐานที่มี ซึ่งในชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว และภายหลังการสอบสวนก็จะส่งตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ศาลจังหวัดขอนแก่นตามขั้นตอนต่อไป
ในเวลาต่อมา น.ส.อ้อม (นามสมมติ) อายุ 49 ปี ผู้เสียหายที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เป็นนักธุรกิจในจังหวัดขอนแก่น มีเพื่อนแนะนำให้เข้าร่วมฟังการอบรมที่บริษัท เอเอฟเอ กรุ๊ป จำกัด ที่บ้านท่อน เมื่อเข้ารับฟังแล้วก็เชื่อในสิ่งที่ผู้ต้องหาพูด และผู้ต้องหาก็ชวนให้นำเงินมาร่วมลงทุน จึงได้นำเงินมาให้ผู้ต้องหาเทรดซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ ลงทุนครั้งแรก 1 ล้านบาท ก็ได้รับส่วนแบ่งตามที่ตกลงคือ 60 และ 40 หมายถึงเจ้าของเงินจะได้ส่วนแบ่ง 60% บริษัทและตัวผู้ต้องหาหรือบริษัทได้ 40% เมื่อเห็นว่ามีรายได้จริงจึงทยอยร่วมลงทุนมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2562-2563 รวมหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท
แต่ช่วงหลังๆ ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไร เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่าได้นำเงินส่วนแบ่งไปลงทุนเพื่อเพิ่มกำไรหมดแล้ว ทีแรกก็เชื่อ แต่ต่อมาไม่มีการแจ้งในเรื่องของผลกำไร ไม่ทราบผลส่วนแบ่งต่างๆ ที่ควรจะได้ จึงทวงถามและตามหาเพื่อขอเงินทุน 20 ล้านบาทคืน แต่ผู้ต้องหาปิดบริษัทหนีไปแล้ว จึงรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความต่อตำรวจเพื่อติดตามตัวผู้ต้องหาให้นำเงินต้นที่ลงทุน 20 ล้านบาทมาคืน ถ้าไม่คืนก็ให้ตำรวจส่งตัวเข้าคุกตามกระบวนการทางกฎหมาย
