xs
xsm
sm
md
lg

พ่อยอมรับไล่ลูกสาวหายป่วยโควิดพ้นบ้านจริง เหตุทนพฤติกรรมลักเหล้าเบียร์ในร้านดื่มจนเมามายไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุดรธานี - กรณีแชร์ว่อนโซเชียลพ่อแม่ไล่ลูกสาวออกจากบ้านหลังลูกติดโควิดและรักษาหายแล้ว ล่าสุดพ่อยอมรับไล่ลูกสาวจริง แต่เพราะทนพฤติกรรมขโมยเหล้าเบียร์ในร้านชำไปดื่มจนเมามายไม่ได้ ซ้ำชอบทะเลาะกับญาติพี่น้อง แต่อย่างไรก็ยังรักลูกเหมือนเดิม ขอให้เลิกเหล้าได้ก็กลับเข้ามาอยู่บ้านได้


จากกรณี น.ส.รุ้ง (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ชาวบ้านโนนสำราญ ต.บ้านดง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ถูกพ่อแม่ไล่พ้นจากบ้านแม้รักษาโรคโควิด-19 หายแล้วก็ตาม จนต้องไปนอนค้างตามโรงพักและสถานีขนส่งอำเภอบ้านดุง แต่โชคดีที่มีจิตอาสาเจ้าของเพจบ้านดุงอัพเดทพาไปนอนพักในบ้านสวนเป็นการชั่วคราว ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ล่าสุด นายสานิตย์ เหง้าพรหมมินทร์ สาธารณสุข อ.บ้านดุง, นายอมรศักดิ์ ศรีวิลาศ ผช.สาธารณสุขอำเภอ, นายศราวุธ นันทะศรี กำนัน ต.บ้านดุง, น.ส.นพพร ปาสะมัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านโนนสำราญ และ น.ส.อัฉรา เปรยะโพธิเดชะ เจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน รพ.สต.สระแก้ว ต.บ้านดุง ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 13 บ้านโนนสำราญ ต.บ้านดุง ซึ่งเป็นบ้านของนายทองพันธุ์ (สงวนนามสกุล) พ่อของ น.ส.รุ้ง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่นายทองพันธุ์ไม่อยู่บ้าน ออกไปไร่มันสำปะหลังที่ อ.เพ็ญ


ทั้งนี้ นายทองพันธุ์ได้เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ว่า สาเหตุที่ไล่ลูกสาวออกจากบ้านนั้นเพราะลูกสาวคนนี้ขี้เหล้าเมายา บอกไม่ฟัง หลังจากติดโควิด-19 รักษาจนหายก็รับกลับมาอยู่บ้าน พ่อแม่และญาติพี่น้องก็ไม่มั่นใจว่าจะหายจริงหรือไม่ บอกให้ไปอยู่บ้านหลังเล็กหลังบ้านเพื่อกักตัวอีกก็ไม่ยอมไป กลับมาบ้านก็มีเรื่องทะเลาะกับหลานๆ

อีกทั้งยังมาขโมยเหล้าเบียร์ที่ทางบ้านเปิดเป็นร้านขายของชำไปดื่มกินจนเมา เรื่องที่ไล่ออกจากบ้านยอมรับว่าไล่ลูกออกจากบ้านจริงเพราะโมโห แต่พ่อกับแม่ก็ยังห่วงอยู่ ถ้าเลิกเหล้าได้ก็มาอยู่ที่บ้านก็ได้ไม่ได้ห้าม พ่อลูกตัดกันไม่ขาดหรอก ก็ยังรักเหมือนเดิม


ด้าน นายวีระเชษฐ์ อรุณอิสรา ปลัดอาวุโส อ.บ้านดุง เปิดเผยว่า วันนี้ได้ออกตามหา น.ส.รุ้งอยู่นาน ได้พูดคุยกันก็ตกลงว่า น.ส.รุ้งจะเดินทางไปอยู่กับสามีที่ จ.ภูเก็ต โดยคุณวีระพล รักเสมอวงษ์ แอดมินเพจ บ้านดุงอัพเดท Bandung Update จิตอาสาช่วยชาวบ้านติดโควิด-19 อาสาขับรถยนต์ไปส่งที่ภูเก็ต อย่างไรก็ดี หากมีขนส่งสาธารณะไปถึงภูเก็ตเราก็จะส่งค่ารถให้

แต่หากไม่มีก็จะขับรถไปถึงภูเก็ตโดยได้ประสานสามีให้มารับตัวต่อแล้ว โดยเจ้าตัวสมัครใจไปเองไม่ได้มีใครบังคับแต่อย่างใด ซึ่งก่อนนำตัวไปส่งก็ได้พาไปทำบัตรประชาชนใบใหม่ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น