แม่ฮ่องสอน - เจอวิกฤตโควิดหลายระลอกจนต้องปิดยาวร้างคนเที่ยว..“ชุมชนจีนยูนนานบ้านรักไทย” ลูกหลานอดีตทหารจีนคณะชาติ-ก๊กมินตั๋ง ลงมติเดินหน้าสร้างชุมชนเรียนจีน สร้างโรงเรียนชิงหว่ารักไทย รับวิถีใหม่แต่คงบริบทดั้งเดิมเอาไว้
ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบกระจายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่ร้างผู้คนมาแล้วตั้งแต่การระบาดระลอกแรก รวมถึง “ชุมชนชาวจีนยูนนานบ้านรักไทย หมู่ที่ 6 ต.หมอกจำแป่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน” หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดแม่ฮ่องสอนในชุมชนชาวจีนยูนนานชื่อดัง ที่ต้องหาทางอยู่รอด
“ชุมชนจีนยูนนานบ้านรักไทย” เป็นหนึ่งในหลายหมู่บ้านหลัก ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก่อตั้งหมู่บ้านตั้งแต่ช่วงปี 2524 โดยทหารกองกำลังทหารจีนคณะชาติได้รับเชิญให้ร่วมกับรัฐบาลไทย ซึ่งมี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นกองกำลังอาสาสมัครร่วมมือกับกองกำลังทหารไทย รบกับทหารคอมมิวนิสต์ลาวที่แผ่อิทธิพลลงมาจนถึงพื้นบริเวณเขาค้อ เขาหย้า จ.เพชรบูรณ์
การรบครั้งนั้น รัฐบาลไทยได้รับชัยชนะและปราบคอมมิวนิสต์เหล่านั้นได้สำเร็จ กลุ่มทหารจีนคณะชาติจึงได้รับอนุญาตอยู่อาศัยทำมาหากินที่ทางรัฐบาลไทยจัดสรรให้ กระจายอยู่ทั้งในจังหวัดเชียงราย และแม่ฮ่องสอน
และด้วยสภาพอากาศของหมู่บ้านรักไทยที่มีอากาศเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี เพราะที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่บนพื้นที่สูง ห่างจากชายแดนไทย-เมียนมา เข้ามาในเขตไทยเพียง 1.5 กิโลเมตร ทัศนียภาพของหมู่บ้านสวยงามตามแบบชุมชนชาวจีนที่ปลูกเรียงรายล้อมรอบอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่กลางหมู่บ้าน มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 1,700 เมตร มีพื้นที่ปลูกไร่ชาและการอนุรักษ์อาหารการกินแบบชาวจีนกับบ้านเรือนที่ปลูกเป็นบ้านดิน จนกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมและพักผ่อนจำนวนมากในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่ผ่านๆ มา จนกระทั่งมีการก่อสร้างที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้าขายของที่ระลึกมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน
แต่จากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้บ้านรักไทยต้องประกาศปิดการท่องเที่ยวและการเข้าออกหมู่บ้านตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาด ส่งผลให้ต้องยุติกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวอย่างสิ้นเชิง ทำให้นายจาตุรงค์ ทวีอภิรดีศิริ ผญบ.บ้านรักไทย ต้องประชุมร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และร่วมกันปรับวิถีชีวิตเข้าสู่แนวทางของวิถีใหม่ให้สามารถอยู่ได้ตามบริบทของชาวจีนยูนนานดั้งเดิม นอกจากนี้ยังได้ประสานความร่วมมือไปยังเครือข่ายของชุมชนชาวจีนในประเทศไต้หวันอีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่การแก้ไขปัญหาปากท้องและการดำรงชีวิตนั้น ก็ได้กำหนดแนวทางของการดำรงชีพแบบพอเพียงที่ทำได้เองในพื้นที่ เพราะทุกฝ่ายยังไม่ทราบว่าสถานการณ์ของโควิด-19 ในครั้งนี้จะยาวนานหรือไปในทิศทางใด ทำให้ต้องคงมาตรการทุกอย่างไปก่อน
ที่สำคัญ ในครั้งนี้คณะกรรมการหมู่บ้านมีความเห็นตรงกันว่า นอกจากวิถีชีวิตที่คงดำรงไว้แล้ว ปัญหาของเด็กและเยาวชนที่ต้องสืบสานทุกอย่างต่อไปนั้นควรจะต้องอนุรักษ์ให้ได้ควบคู่ไปกับการพัฒนายุคใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นนับต่อจากนี้ จึงมีแผนกำหนดการ “ก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนจีนชิงหว่ารักไทย” ขึ้น เพื่อพัฒนาการด้านการศึกษาของหมู่บ้านรักไทย ภายใต้ชื่อ “พรุ่งนี้ย่อมดีกว่า”
ด้วยการก่อสร้างอาคารเรียน 1 ชั้น ขนาดอาคาร 8x54 เมตร และขนาดห้องละ 6x8 เมตร จำนวน 9 ห้อง ประกอบด้วยห้องเรียน 6 ห้อง ห้องพักครู 1 ห้อง ห้องสมุดและคอมพิวเตอร์ 1 ห้อง และ 1 ห้องโถงกลางและห้องกิจกรรมอเนกประสงค์ มีกำหนดแล้วเสร็จกลางปี 2565
ทั้งนี้ หมู่บ้านยังได้ออกแบบอาคารให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ออกแบบสไตล์มินิมัลตามแบบสถาปัตยกรรมแบบจีนที่เน้นความแข็งแรงและวัสดุธรรมชาติเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าสิ่งแวดล้อมที่สวยงามอำนวยต่อความสุขในการเรียนให้แก่นักเรียนได้ และมีนายเสาจาง แซ่หวัง ประธานกีฬา 329 ต้านภัยยาเสพติด เป็นที่ปรึกษาในการจัดหางบประมาณหลักในการก่อสร้างและประสานไปยังเครือข่ายอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ ที่ต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 2.5 ล้านบาท
ภายใต้ความมุ่งหวังให้เยาวชนสืบทอดทั้งภาษาและวัฒนธรรมชาวจีนไว้ได้ รวมถึงเป็นจุดศูนย์รวมของชาวบ้านที่จะต้องพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์สู่การท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นได้อีกครั้งในอนาคต ที่สำคัญโรงเรียนแห่งนี้เตรียมจัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้ภาษาจีนให้แก่ชาวแม่ฮ่องสอนและนักท่องเที่ยวที่สนใจในแบบหลักสูตรระยะสั้นอีกด้วย