xs
xsm
sm
md
lg

กำลังใจ! 2 ผัวเมียรอดตายจากโรคร้ายเตรียมสร้างตัวอีกครั้ง เจอโควิด-19 ซัดซ้ำ เผยใช้ความรักจากครอบครัวลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครปฐม -เผยชีวิตครอบครัว 2
ผัวเมียวงการดนตรีรอดตายจากโรคร้าย เตรียมสร้างตัวอีกครั้ง กลับมาเจอโควิด-19
ระบาดอย่างหนักในช่วงนี้ซ้ำเติม แต่ยังไม่หมดแรง เผยถึงล้มแต่ใช้พลังจากความรักของคนในครอบครัว
และคนรอบข้างเป็นกำลังใจให้ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง

ใครท้อดูตรงนี้ ชีวิตยิ่งกว่าละคร เรื่องราวของครอบครัวคนในวงการดนตรีที่ 2 สามีภรรยาเคยมีรายได้มั่นคงแต่มาเจอวิกฤตสามีป่วยเป็นโรคไตวาย ต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตและหัวใจ โดยภรรยามารู้ตรวจพบมะเร็งรังไข่ ระยะสุดท้ายกระหน่ำชีวิตอีกครั้ง แต่เมื่อรักษาหายมาพบโควิด-19 ระบาดระลอกที่ 4 ซัดซ้ำทำหมดตัวหนี้เพิ่ม เหลือเพียงพลังความรักในครอบครัวจากลูกบุญธรรมเป็นแรงต่อสู้ เผยคนรอบข้างช่วยได้มาก นับจากนี้ไม่รู้ชะตา แต่จะสู้จนกว่าจะมีโอกาสกลับมาทำงานใช้หนี้สินร่วม 3 ล้านให้ได้อีกครั้ง


นายวิสิษฐ์ โพธิพันธ์ สมาชิก อบต.วังเย็น อ.เมือง จ.นครปฐม หรือชาวบ้านจะเรียกว่า อบต.สิษฐ์ ซึ่งได้เล่าเรื่องราวของการต่อสู้กับสุขภาพจนแทบเอาชีวิตไม่รอด และเป็นผู้ป่วยรายแรกๆ ของประเทศไทยที่ได้รับการปลูกถ่ายเปลี่ยนอวัยวะไตและหัวใจมาแล้ว โดยใช้ชีวิตในโรงพยาบาลมานานกว่า 3 เดือน แต่เมื่อการรักษาตัวยังไม่ทันหายดี ภรรยาคู่ชีวิตกลับมาตรวจพบมะเร็งรังไข่ระยะสุดท้าย

จากชีวิตที่เคยรุ่งเรืองในงานสายบันเทิงที่เคยร่วมงานกับศิลปินดังหลายคน กลับพลิกผันกลับกลายเป็นคนที่มีหนี้สินเกือบ 3 ล้านบาทและต้องหาเงินค่ายาเดือนละนับหมื่นบาท แต่เมื่อต่อสู้กับโรคร้ายมาได้ กลับมาพบกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระลอกที่ 4 การกู้ยืมเงินเพื่อเอามาลงทุนเพื่อต่อสู้ชีวิตอีกครั้งกลับกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่ตามมา วันนี้แม้เงินกินข้าวต้องอาศัยขอญาติและคนใจบุญ แต่ทุกวันนี้ยังกำลังใจดีเพราะเปิดอกคุยกันในครอบครัว แถมพ่วงด้วยลูกสาวบุญธรรมที่มีพรสวรรค์ในการแหล่และร้องเพลง เคยหารายได้เอาค่ายาช่วยครอบครัวมาแล้ว หวังหาผู้ใหญ่ใจดีผลักดันสู่ถนนดนตรีต่อไป


นายวิสิษฐ์ หรือ อบต.สิษฐ์ กล่าวว่า เดิมทีตนเองเป็นนักร้อง นักดนตรี และพิธีกรให้วงดนตรีชื่อสไปเดอร์ ซึ่งเมื่อ 10 กว่าปีก่อนเป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียงมากในเขตภาคกลาง โดยจะรับงานบันเทิงจนเป็นที่รู้จักของวัยรุ่นและหน่วยงานราชการในยุคนั้น ต่อมาตามยุคนักร้อง นักดนตรีหน้าใหม่เกิดใหม่มามากตนเองจึงได้ผันมาซื้อเครื่องเสียงให้วงสไปเดอร์ได้เช่าไปด้วย ซึ่งก่อนที่ตนเองจะป่วยนั้นได้มีความมั่นคง รู้จักและร่วมงานกับศิลปินดาราชื่อดังหลายคนจนคุ้นเคยกัน

อบต.สิษฐ์ กล่าวต่อว่า แต่เมื่อช่วงปี 54 ตนเองมาตรวจพบว่าเป็นโรคไตวายระยะสุดท้ายต้องทำการฟอกไต วันเว้นวันซึ่งต้องหยุดงานเพื่อมารักษาตัว กระทั่งทีมแพทย์ลงความเห็นว่าต้องเปลี่ยนไต ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนหัวใจไปพร้อมกันด้วย หลังจากฟอกไตมาหลายปี กระทั่งปี 63 ได้รับการเลือกให้รับอวัยวะเปลี่ยนไต หากไม่เปลี่ยนก็จะเสียชีวิตแน่นอนจึงได้รับตัดสินใจทันที ซึ่งการรักษานั้นต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานหลายเดือนและผ่าตัดจนนับจำนวนไม่ได้ ซึ่งกว่าจะผ่านวิกฤตมาได้ถือว่าหนักหนามาก โดยรายได้ยังมีเข้ามาจากการให้เช่าเครื่องดนตรี และภรรยาทำงานเป็นผู้จัดการวงดนตรีให้ศิลปินมีรายได้หลายทาง ซึ่งยังมีลูกน้องอีก 10 กว่าคนที่ต้องดูแล


แต่ต่อมาช่วงที่กำลังพักฟื้นร่างกาย จู่ๆ ภรรยาก็พบความผิดปกติในร่างกายจึงได้ไปตรวจพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ในระยะสุดท้าย ซึ่งทำให้ต้องรักษาตัวทั้งคู่ไปพร้อมกัน โดยมีลูกชายของตนเองคอยดูแลเรื่องการจัดให้เช่าเครื่องเสียง และยังมีลูกบุญธรรมอีกคนที่ต้องเลี้ยงดูไปด้วย ซึ่งตอนนี้เป็นสภาวะที่ทรมานทั้งกายและใจ แต่สุดท้ายผมกับภรรยาได้รักษาตัวจนผ่านความตายมาได้อย่างเฉียดฉิว ซึ่งหลังจากหายป่วยคิดว่าจะกลับมาต่อสู้ชีวิตอีกครั้ง โดยการไปซื้อเครื่องเสียงมาอีก 6 แสนกว่าบาท รวมกับอุปกรณ์เดิมที่มีอยู่แล้วทำให้มีเครื่องเสียงในมือราว 2 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการรับงานดูแลครอบครัวและลูกน้องทั้งหมด

อบต.สิษฐ์ กล่าวถึงช่วงพลิกผันของชีวิตอีกว่า หลังได้ลงทุนไปแล้วร่างกายพอที่จะทำงานได้ ปรากฏว่าเป็นช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระลอกที่ 4 พอดี งานที่เคยรับไว้ข้ามปีถูกยกเลิกทั้งหมดและเงินมัดจำที่ลูกค้าวางไว้แล้วได้นำมาซื้อยาฟอกไตจนหมด ปัญหาที่เกิดกลายเป็นว่าเงินข้างหน้าหายหมด เงินที่กู้มาซื้อบ้าน รถ และเครื่องเสียงราว 3 ล้านบาท ไม่สามารถจ่ายได้ แม้กระทั่งเงินที่จะไปฟอกไต ยังต้องไปหยิบยืมคนรอบตัวซึ่งยังมีกำนัน ผู้นำชุมชนที่สงสารได้แชร์มาช่วยตนเองให้ไปรักษาชีวิตไว้ก่อน ซึ่งถึงวันนี้เงินเก็บทั้งหมดก็หมดกระเป๋า ยังไม่รู้จะทำยังไงต่อไป แต่ผมกับครอบครัวไม่หมดกำลังใจเพราะเรามีกำลังใจและคนรอบข้างที่ให้กำลังใจเรามาตลอด


“ผมไปไม่เป็นไม่คิดว่ามันจะหนักขนาดนี้ คิดจะขายเครื่องเสียงก็ไม่มีใครที่เขาจะรับซื้อเพราะเขาไม่มีงาน ของที่มีเกือบ 2 ล้านบาท ขาย 5 แสนก็ไม่มีใครเอา ลูกน้องต้องแยกย้ายแต่ผมจะสู้ต่อกับภรรยาและลูก ข้าวจะกินยังลำบากซึ่งดีที่ครอบครัวเราเข้าใจกันมาก ยิ่งน้องต้นข้าว ลูกบุญธรรมเข้าเป็นเด็กดีและมีความสามารถในการร้องเพลงและแหล่ ได้ ก่อนจะล็อกดาวน์รอบนี้เขายังประกวดร้องเพลงและไปรับงานร้องเพลงเอาเงินมาช่วยให้ผมซื้อยาและฟอกไตได้ แต่ตอนนี้หมด วันนี้ไม่รู้จะทำยังไงแต่ผมจะสู้จนกว่าจะได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ส่วนน้องต้นข้าว อยากให้ผู้ใหญ่ใจดีผลักดันเขาต่อในสิ่งที่เขารักและมีพรสวรรค์ ผมขอแค่นี้” อบต.สิษฐ์ เล่าถึงสถานการณ์ให้ฟัง

ด้าน นางสุภาพร พวงสกุล อายุ 51 ปี บอกว่าตอนนี้เงินที่บ้านหมดเหมือนหลายๆ ครอบครัว เดิมทีตนเองทำงานร่วมกับศิลปินดังหลายคนเช่น เอกราช สุวรรณภูมิ ตั๊กแตน ชลลดา ไปทัวร์คอนเสิร์ตกันทั่วประเทศ จนสามีป่วยจึงได้ออกมาและมาเป็นลูกจ้าง อบต. แถวบ้าน ซึ่งการรู้สึกว่าเมื่อมาเป็นมะเร็งครั้งแรกเสียใจแต่ตั้งสติและคุยกันว่าต้องสู้ โดยมีกำลังใจ คือลูก ตอนนี้ต้องอาศัยบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดซึ่งเต็มวงเงินไปหมดแล้ว ซึ่งวันนี้คิดว่าถ้าไม่ตายก็จะไม่ยอมแพ้ และจะสู้เพื่อดูแลครอบครัว

 “อยากจะฝากถึงเพื่อนๆ ทุกคนว่าอย่าเพิ่งท้อถ้ายังไม่ตาย เราจะผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ขอให้ทุกคนอดทนเพราะตนเองผ่านมาแล้วกำลังเจอปัญหาเชื่อว่าเราจะกลับมาได้แน่นอน”


นางสุภาพร บอกอีกว่า ตั้งแต่รับน้องต้นข้าวมาเลี้ยงดูเหมือนมาเติมเต็มชีวิต ไม่ดื้อ เรียนพอใช้ได้ แต่มีความสามารถในการร้องเพลงและแหล่ได้ ซึ่งเราไม่เคยสอนแต่ทำออกมาได้น่าพอใจ วันที่เงินเราหมดไปรอบที่แล้ว น้องไปสมัครออกรายการทีวีแข่งร้องเพลงได้เงินมา 3 หมื่นบาท ซึ่งพ่อเขาต้องไปฟอกไตพอดีช่วงนั้นสามารถช่วยให้ผ่านวิกฤตมาได้ ซึ่งวันนี้ครอบครัวเรากำลังสู้วิกฤตด้วยความรักและความเข้าใจ ซึ่งอยากจะให้ครอบครัวอื่นๆ ต่อสู้และอดทนแบบที่เราทำแม้จะยังไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้า

ด.ญ.ณัฐวิกา พริ้งสุวรรณ อายุ 11 ปี น้องต้นข้าว บอกว่าดีใจที่ได้มาเป็นลูกบุญธรรมที่ครอบครัวนี้ และได้รับความรักเหมือนลูกจริงๆ ซึ่งช่วงที่แม่ กับลุงสิษฐ์ ป่วยก็เครียดมากเพราะกลัวเขาจะเป็นอะไรไป ช่วงที่เขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลต้องนอนคนเดียว และนอนร้องไห้หลายคืนเพราะสงสารแม่ หนูชอบร้องเพลงจาการดูยูทิวบ์ จนมาฝึกร้องเองก็พอร้องได้ ซึ่งศิลปินที่ชอบคือ แม่พุ่ม พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นคนที่เป็นไอดอล หนูอยากทำงานได้จะเอาเงินมาดูแลเขาและรีบใช้หนี้ทุกบาททุกสตางค์ให้ โดยสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี

“มีคนมาล้อแม่ ช่วงที่ผมร่วงหนูเสียใจไม่ตอบโต้ไม่อยากมีเรื่อง อดทนเก็บไว้ ไม่บอกใคร ทุกวันนี้ลำบากอยากกินอะไรก็ไม่ได้อย่างที่คิด แต่ไม่คิดมากเพราะรู้ว่าบ้านเราเป็นยังไง ของที่เพื่อนๆ มีเป็นคอมพิวเตอร์สำหรับเรียนออนไลน์ที่เพื่อนมีกันก็ไม่มี ใช้แต่มือถือซึ่งตอนนี้จอมันแตกใช้ไปก่อนไม่ได้ไปบอกพ่อกับแม่ว่ามันมองไม่ชัด และขอบคุณที่ทั้งคู่เลี้ยงหนูมาเป็นอย่างดี ตอนนี้อยากร้องเพลงเอาเงินมาช่วยให้มีข้าวที่บ้านกินกันไปก่อน”
กำลังโหลดความคิดเห็น