เชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่นำทีมรองผู้ว่าฯ และแพทย์แถลงการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ยืนยันลุยใช้มาตรการเข้มงวด เชื่อมั่นสามารถจำกัดควบคุมการระบาดได้ในเวลาสั้นที่สุด ย้ำมีความพร้อมทุกด้านรองรับและดูแลผู้ป่วยอย่างดี ขณะที่นายแพทย์ สสจ.เผยเหตุจำเป็นต้องตรวจเข้มคัดกรองหาเชื้อทุกคนจากพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากหลุดรอดแค่รายเดียวอาจแพร่เชื้อได้มากถึง 20 ราย
วันนี้ (20 ก.ค. 64) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายแพทย์ จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และนายแพทย์ วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ร่วมกันแถลงเกี่ยวกับการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ในช่วงนี้จังหวัดเชียงใหม่ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งปัจจัยสำคัญเป็นการนำเชื้อเข้ามาจากพื้นที่เสี่ยง โดยผู้ที่เดินทางไปพื้นที่เสี่ยงแล้วติดเชื้อมาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นมีการนำมาแพร่เชื้อต่อในกลุ่มคนใกล้ชิดทั้งในครอบครัว, ที่ทำงาน หรือชุมชน จนทำให้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจังหวัดเชียงใหม่และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำงานอย่างเต็มที่และมีมาตรการอย่างเข้มงวด เชื่อว่าจะสามารถจำกัดและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ภายในเวลาอันสั้นที่สุด
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ที่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากนั้น ยืนยันว่ามีการเตรียมความพร้อมทุกด้านไว้เป็นอย่างดี ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งโรงพยาบาล ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลสนามนั้นมีการขยายเตียงเพิ่มเพื่อรองรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย รวมทั้งรองรับกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นเด็กเล็กที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย โดยทำให้คล้ายกับศูนย์เด็กเล็ก พร้อมยืนยันว่าจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีการปิดบังตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างแน่นอน
ส่วนกรณีวัคซีนโมเดอร์นาที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติงบประมาณเพื่อเตรียมจัดซื้อจำนวน 200,000 โดส ฉีดให้ฟรีสำหรับประชาชน 5 กลุ่มเปราะบางนั้น นายเจริญฤทธิ์กล่าวว่า เบื้องต้นทาง อบจ.เชียงใหม่ ยื่นแสดงความจำนงไปที่สภากาชาดไทยแล้วว่าต้องการ 200,000 โดส จาก 1 ล้านโดสที่สภากาชาดไทยได้มา ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบในช่วงปลายเดือนนี้ว่าจะได้รับการจัดสรรให้จำนวนเท่าไร เพราะต้องกระจายไปทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้ตามจำนวน ทาง อบจ.เชียงใหม่ พร้อมที่จะจัดหาวัคซีนทางเลือกอื่นตามความเหมาะสมต่อไปด้วย และบูรณาการร่วมกับทางจังหวัดเชียงใหม่ในการจัดสรรวัคซีนเพื่อฉีดให้แก่ประชาชนตามเป้าหมาย
ขณะที่นายแพทย์ จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เวลานี้เชื้อโควิด-19 ที่ระบาดเป็นหลักในประเทศไทย 80% เป็นสายพันธุ์เดลตา ซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย โดยทางจังหวัดเชียงใหม่โดยคณะกรรมการควบคุมโรคจึงมีมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้นในการตรวจคัดกรองหาเชื้อผู้ที่เดินทางเข้ามาทุกช่องทางจากพื้นที่เสี่ยงทุกคน โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเพื่อคัดกรองและแยกผู้ที่ติดเชื้อออกไปให้ได้มากที่สุด ไม่ให้นำเข้ามาแพร่ระบาด ซึ่งตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย. 64 เป็นต้นมา เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อประมาณ 500 กว่าราย ในจำนวนนี้ประมาณ 150 รายเป็นการนำเชื้อเข้ามาและทำให้เกิดการแพร่ระบาดในพื้นที่
โดยที่ผ่านมาจากการประเมินพบว่าผู้ที่ติดเชื้อเข้ามา 1 รายมีโอกาสแพร่เชื้อให้คนในครอบครัวได้ 2-3 คน, แพร่เชื้อในที่ทำงาน 10 คน และแพร่เชื้อในชุมชนได้ 20 คน ซึ่งแต่ละคนที่ได้รับเชื้อสามารถนำไปแพร่ต่อไปได้อีก ดังนั้น การคัดกรองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาจากการคัดกรองผู้โดยสารผ่านสนามบินไปแล้ว 2,848 ราย พบผู้ติดเชื้อ 13 ราย, ทางสถานีรถไฟ 71 ราย พบผู้ติดเชื้อ 1 ราย, ทางสถานีขนส่งอาเขต 204 ราย พบผู้ติดเชื้อ 1 ราย และล่าสุดได้มีการตั้งจุดตรวจทางถนนรถยนต์ขาเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ 71 ราย พบผู้ติดเชื้อ 1 ราย ซึ่งการคัดกรองได้ 16 คนนั้นถือว่าเป็นผลที่น่าพอใจเพราะไม่รู้ว่าจะนำไปแพร่เชื้ออีกเท่าใด
ด้านนายแพทย์ วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ยืนยันว่า จังหวัดเชียงใหม่มีความพร้อมอย่างมากในการรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทั้งในด้านบุคลากร ยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งเตียงรองรับผู้ป่วย โดยมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและขยายเตียงเพิ่มเติมสามารถรองรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย (สีเขียว) ได้เบื้องต้นจำนวน 1,300 เตียง ขณะที่ห้องไอซียูและเตียงตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชนสามารถรองรับได้ 400 เตียง พร้อมกันนี้ยังได้มีการประสานทุกอำเภอเตรียมพร้อมแผนขยายเตียงรองรับผู้ป่วยสีเขียวไว้แล้วด้วย