เชียงใหม่- "พิชัย" นายก อบจ.เชียงใหม่เผยถกร่วมผู้ว่าฯแล้ว จ่อทุ่มงบประมาณ 260 ล้านบาท จองซื้อวัคซีนโมเดอร์นา 2 แสนโดสๆละ 1,300บาท จากสภากาชาดไทยเพื่อฉีดให้5กลุ่มเปราะบางโดยไม่คิดมูลค่า เตรียมเปิดประชุมสภา19ก.ค.64 ลงมติอนุมัติเงินทุนสำรองสะสม พร้อมยก ให้ คกก.โรคติดต่อบริหารแผนฉีดวัคซีน
นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามที่สภากาชาดไทย ได้สั่งจองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โมเดอร์นาจำนวนหนึ่ง จากผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทย ผ่านองค์การเภสัชกรรม เพื่อนำมาฉีดบริการให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่างๆ โดยไม่คิดมูลค่า ตามพันธกิจของสภากาชาดไทย และสภากาชาดไทยจะได้จัดสรรโควตาวัคชีนจำนวนหนึ่งให้แก่ “องค์การบริหารส่วนจังหวัด” (อบจ.) เพื่อนำไปฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่าต้องดำเนินการฉีดให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่า และแผนการฉีดวัคซีนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด และเงื่อนไขอื่นๆ ที่กำหนดนั้น
“ผมได้เข้าหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้จัดประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีนที่ศูนย์ฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงาน อบจ.เชียงใหม่ แล้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ก็เห็นชอบตามข้อเสนอ ในเบื้องต้นองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งความประสงค์เบื้องต้นไปแล้วว่าจะซื้อวัคซีนจำนวน 200,000 โดสๆ ละ 1,300 บาท รวมเป็นเงิน 260 ล้านบาท เพื่อนำไปฉีดบริการให้กับประชาชนตามเงื่อนไขที่สภากาชาดไทยกำหนด “นายกอบจ.เชียงใหม่ กล่าว
โดยนายพิชัย บอกว่า ได้ประสานประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงใหม่ให้เรียกประชุมสภาในวันที่ 19 ก.ค.64 เวลา 14.00 น.เพื่อขอมติจากสภาฯ ในการใช้เงินทุนสำรองสะสมของอบจ.เชียงใหม่ ในการจัดซื้อวัคซีน เพราะหลังจากแจ้งความจำนงไปแล้ว อบจ.เชียงใหม่ จะต้องโอนเงินให้กับทางสภากาชาดไทย ภายในวันที่ 21 ก.ค.64 ตามที่สภากาชาดไทยกำหนด
สำหรับการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าวนั้น นายพิชัย บอกว่า ทาง อบจ.เชียงใหม่ เป็นผู้ใช้งบประมาณของอบจ. มาดำเนินการ ส่วนการจัดสรรวัคซีนนั้นก็ต้องเป็นไปตามที่สภากาชาดไทยกำหนดเงื่อนไขคือกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 5 กลุ่ม ตามลำดับ ได้แก่ คนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีตั้งครรภ์ ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 เป็นอันดับแรก รองลงมาคือกลุ่มผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 มาก่อน , บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ในถิ่นทุรกันดาร, ผู้ที่ทำงานประจำอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้สอนในโรงเรียนอนุบาล หรือครู อาจารย์ผู้ที่ทำหน้าที่สอนหนังสือในโรงเรียน ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 มาก่อน , บุคลากรที่ต้องออกปฏิบัติงานสัมผัสประชาชน ตามโครงการฉีดวัคซีนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 มาก่อน และบุคคลที่ยังไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ เนื่องจากติดขัดระเบียบหรือกฎหมาย
นายก อบจ.เชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า เนื่องจากจำนวนวัคซีนที่สั่งซื้อ 2 แสนโดสนั้นอาจจะไม่ครอบคลุมกับจำนวน 5 กลุ่มที่มีอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้อบจ.เชียงใหม่ ได้เสนอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการบริหารวัคซีนเป็นผู้พิจารณาจัดสรร เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าอบจ. จะนำวัคซีนดังกล่าวมาฉีดให้กับเครือญาติหรือพวกพ้อง จึงให้จังหวัดเป็นผู้บริหารแผนการขอรับการจัดสรรวัคซีนไม่เกี่ยวกับทางอบจ.เชียงใหม่ แต่ขอยืนยันว่าอบจ.เชียงใหม่ ขานรับแนวทางที่สภากาชาดไทยเสนอมาทันทีเพราะตระหนักถึงคุณภาพชีวิตและมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนทุกๆ คน.