สุรินทร์ - เพจสาธารณสุข จ.อุดรมีชัย กัมพูชา ระบุแรงงานเขมรกลับประเทศผ่านด่านช่องจอม-โอร์เสม็ด จ.สุรินทร์ กว่า 2 พันคน ติดเชื้อโควิด 239 คน ตม.สุรินทร์เข้มป้องกันโควิด-19 ระบาดระหว่างเคลื่อนย้ายผลักดันแรงงานกลับประเทศ ล่าสุดชาวกัมพูชายังแห่กลับประเทศต่อเนื่อง
วันนี้ (14 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรัฐบาลมีมาตรการให้ปิดแคมป์คนงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเริ่มมาตรการปิดแคมป์คนงานตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา ส่งผลให้แรงงานก่อสร้างชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศกัมพูชา โดยใช้จุดผ่านแดน 3 แห่ง ซึ่งด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เป็น 1 ใน 3 แห่งด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังเปิดให้ชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศได้ จนถึงขณะนี้ยังมีแรงงานชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศเป็นจำนวนมาก พบว่าตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 64 จนถึงวันนิ้ (14 ก.ค.) มีแรงงานชาวกัมพูชาเดินทางกลับประเทศผ่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอมแล้วมากกว่า 2,000 คน
ล่าสุดมีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณสุขของ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีพื้นที่เขตแดนติดกับ จ.สุรินทร์ ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพของแรงงานชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศผ่านด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุข้อมูลว่า พบแรงงานชาวกัมพูชาที่กลับประเทศผ่านจุดผ่านแดนถาวรช่องจอมติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดจำนวน 239 ราย หายป่วย 58 ราย
โดยการติดเชื้อโควิด-19 จากไทยของแรงงานชาวกัมพูชาจำนวนมากดังกล่าวมีความเสี่ยงของการแพร่เชื้อจากต้นทางที่แรงงานกัมพูชาทำงาน และระหว่างเดินทางมายังจุดรวบรวมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สุรินทร์ติดเชื้อโควิด-19 และจำนวน 8 นายอยู่ในช่วงการรักษา และรักษาหายแล้วบางราย
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ตม.สุรินทร์ได้มีมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มข้น มีการจำกัดพื้นที่แบ่งแยกโซนอย่างมิดชิด ให้เป็นจุดรวบรวมแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาข้างสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปอย่างเด็ดขาด โดยเจ้าหน้าที่มีการสวมชุดป้องกันการติดเชื้ออย่างมิดชิด และมีระบบคัดกรอง ตรวจหาเชื้อและซักประวัติอย่างเข้มงวด ทั้งจัดตู้น้ำยาฆ่าเชื้อ ฉีดพ่นแอลกอฮอล์สิ่งของสัมภาระต่างๆ ของชาวกัมพูชา และไม่อนุญาตให้ชาวกัมพูชาออกนอกพื้นที่ รวมถึงการผลักดันออกนอกประเทศจนสำเร็จด้วยรถยนต์กระบะ รถบรรทุกหกล้อ และรถบัส
เจ้าหน้าที่ ตม.กาบเชิงฝากประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้นายจ้างนำส่งแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่จุดรวบรวมแรงงานต่างด้าว ข้างสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสุรินทร์ ที่ อ.กาบเชิง เพียงแห่งเดียวเท่านั้น รวมถึงประชาชนยังคงสามารถเดินทางมาติดต่อราชการได้ตามปกติ เพราะมีการแบ่งส่วนพื้นที่พักคอยและห้องน้ำของชาวกัมพูชาแยกออกจากเจ้าหน้าที่และผู้ที่มาติดต่อราชการทั่วไปไม่ให้ใช้ร่วมกันอย่างเป็นสัดส่วน
ทั้งนี้ แม้จะมีมาตรการประกาศยกระดับมาตรการพื้นที่สีแดงเข้มใน 10 จังหวัด มีกรุงเทพฯ และปริมณฑลบวก 4 จังหวัดภาคใต้ “ห้ามออกนอกเคหสถาน” ตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น. เว้นแต่มีความจำเป็น และ ทุกมาตรการเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 12 ก.ค. ส่วนการจำกัดการเดินทางในพื้นที่ 6 จังหวัด เริ่มวันที่ 10 ก.ค. ให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ ฝ่าฝืนมีโทษนั้น แม้มาตรการดังกล่าวทำให้แรงงานก่อสร้างต่างด้าวที่อยู่ในจังหวัดพื้นที่สีแดงจะกลับประเทศไม่ได้ แต่พบว่ายังคงมีแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดรอบนอกทยอยเดินทางกลับประเทศอย่างต่อเนื่องวันละ 100-150 คนเช่นเดิม