สระแก้ว - ตม.นำหมายศาลจังหวัดสระแก้ว ตามรวบหนุ่มเขมรคาห้องเช่าใน กทม. พบเป็นเครือข่าย “นายเจีย” หัวเรือใหญ่ขนแรงงานกัมพูชาเข้าพื้นที่ชั้นในของไทยจนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ สารภาพคิดค่าหัว 1,000-1,500 บาทต่อเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวานนี้ (9 ก.ค.) เจ้าหน้าที่จากกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้นำหมายศาลจังหวัดสระแก้ว เลขที่ จ.146/2564 ลงวันที่ 8 ก.ค.2564 บุกเข้าจับกุม นายวอน ปรง หรือช่างยาว อายุ 44 ปีชาวกัมพูชา ขณะพักอาศัยอยู่ภายในห้องเช่าเลขที่ 28 ซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 11 เขตบางชัน กรุงเทพฯ
พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันช่วยซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต
การจับกุมดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา หน่วยเฉพาะกิจตาพระยา ดูแลชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สระแก้ว ได้จับกุมชาวไทย 3 คน ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้นำพาแรงงงานชาวกัมพูชา รวมทั้งสิ้น 26 คน เดินเท้าเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติเพื่อลักลอบข้ามแดนบริเวณ อ.ตาพระยา โดยมีจุดหมายปลายทางที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ชั้นใน
จากการขยายผลขณะเกิดเหตุพบข้อมูลว่า ช่างยาว เป็น 1 ในผู้ร่วมขบวนการและระหว่างการจับกุมสามารถหลบหนีไปได้
ขณะที่ พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผู้กำกับสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เผยว่า จากการสอบสวนขยายผลเครือข่ายลักลอบขนแรงงานกลุ่มที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทราบว่า ผู้สั่งการใหญ่ คือ นายเจีย ชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา
และนายเจีย ได้สั่งการให้ ช่างยาว ทำหน้าที่ขับรถขนสินค้าร่วมกับพวกอีกไม่ต่ำกว่า 3-4 คัน จากกรุงเทพฯ มาคอยรับแรงงานที่ลักลอบข้ามแดนจากใน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ตามจุดที่ได้มีการนัดหมายไว้
“แต่ในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้นำพาคนไทยและแรงงานกัมพูชาทั้งหมดได้ก่อนจึงทำให้ ช่างยาว หลบหนีกลับกรุงเทพฯ ส่วนค่าจ้างในการนำพา ช่างยาว จะได้เงินค่าหัวรายละ 1,000 ถึง 1,500 บาทต่อการขนแรงงานเข้าในแต่ละเที่ยว และนี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แรงงานกัมพูชาเหล่านี้เล็ดลอดเข้าไปยังแคมป์คนงานต่างๆ และแพร่เชื้อโควิด-19 จนกลายเป็นคลัสเตอร์” พ.ต.อ.จตุรภัทร กล่าว