นครปฐม - นิวไฮอีกรอบ! คลัสเตอร์นครปฐมตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่อีก 418 ราย ในเรือนจำ 103 ราย เสียชีวิต 3 ราย ผู้ป่วยสะสมรวม 7,048 ราย
วันนี้ (11 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์โรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมที่ระบาดระรอกใหม่ ตรวจพบผู้ป่วยรายใหม่ที่พุ่งขึ้นรายวันอีก 418 ราย เสียชีวิต 3 ราย ในเรือนจำกลางนครปฐม 103 ราย โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐมกลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สสจ.นครปฐม ทีม SAT & SRRT
พบผู้ป่วยระลอกใหม่รวมจำนวน 7,084 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่จำแนกในจังหวัด 315 ราย ในเรือนจำ 103 ราย เป็นสัญชาติ ไทย 391 ราย อื่นๆ 27 ราย ในการเฝ้าระวังเชิงรุก 345 ราย และการเฝ้าระวังเชิงรับ 73 ราย.คิดเป็นค่าเฉลี่ยการพบผู้ป่วยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา 206 ราย ซึ่งมีแนวโน้มการระบาดสูงขึ้นในสัดส่วนเพศชายหญิงเท่ากับ 1:09
รวมสะสมผู้เสียชีวิต 75 ราย วันนี้ + 3 ราย ในอัตราป่วยตายร้อยละ 1.05 ระลอกธันวาคม 2 ราย ระลอกเมษายน 73 ราย อำเภอที่พบสูงสุดประจำวันนี้ 3 อันดับแรก ได้แก่ อำเภอเมือง 173 ราย อำเภอสามพราน 153 ราย อำเภอนครชัยศรี 37 ราย กลุ่มอายุที่พบมากได้แก่ ในช่วงอายุ 21-30 ปี รองลงมาคือ 31-40 และ 41-50 ปีตามลำดับ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ การดำเนินกิจกรรมรวมกลุ่ม Cluster HR ในโรงงานตลาด สถานประกอบการ การติดจากบุคคลในครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน ติดตามมาตรการวิเคราะห์แนวโน้มในทุกอำเภอ จัดทำมาตรการเร่งค้นหาผู้เสี่ยงสูง เน้นการกักกัน การค้นหาเชิงรุกในกลุ่มต่างๆ เช่น ตลาดค้าส่ง สถานประกอบการ โรงงาน ในการระบาดลักษณะคลัสเตอร์โรงชำแหละสุกร พิจารณาดำเนินการ Bubble and Seal รวมทั้งกำกับติดตามมาตรการ DMHTTA อย่างเคร่งครัดต่อเนื่องอีกด้วย
ในการกำหนดมาตรการครั้งนี้จำกัดการเคลื่อนย้ายและการรวมกลุ่มของบุคคลขั้นสูงสุด รวมทั้งกำหนดเวลาการออกนอกเคหสถาน ควบคู่ไปกับการเร่งรัดมาตรการด้านการป้องกันโรค การฉีดวัคซีน การควบคุมโรค การรักษาพยาบาล รวมทั้งการเยียวยา
พร้อมทั้งเห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เสนอ ดังนี้ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด10 จังหวัด (คงเดิม) พื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 19 จังหวัด) พื้นที่ควบคุม 25 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 16 จังหวัด) พื้นที่เฝ้าระวังสูง 18 จังหวัด (ลดลง 39 จังหวัด) ระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (9 ก.ค.64)
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด กรุงเทพมหานคร นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา การปฏิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 1.จำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนใช้การปฏิบัติงานในลักษณะ Work From Home ให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญ และการบริการประชาชน ระบบขนส่งสาธารณะ เปิดให้บริการได้ในห้วงเวลา 21.00 น. ถึง 03.00 น.ของวันรุ่งขึ้น
ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 ถึง 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตีมอลล์ เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เกต ร้านอาหารและเครื่องดื่มธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน ทั้งนี้ เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น. ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหารหรือสุราหรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น. ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม สำหรับการปฏิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการสำหรับการออกกำลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น. ห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคมที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ หรือกิจกรรมตามประเพณี ร่วมกันเกิน 5 คน
2.ให้บุคคลงดการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้นเว้นแต่มีความจำเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี
3.การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่สร้างยังคงเป็นไปตามข้อกำหนดของ ศบค.ที่ได้มีประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้
4.กำกับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (DMHTTA) อย่างสูงสุด
5.ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดลาดตระเวน เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนให้มีบทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558
6.ให้เริ่มดำเนินการตามข้อ 1-4 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป