“สนธิ” นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมชี้ “หมิงตี้” ระเบิดก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมสูง

สมุทรปราการ - “สนธิ” นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมชี้ “หมิงตี้” ระเบิดก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมสูง พร้อมเผยการผลิต EPS มีสารตั้งต้นเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B

นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมเผยกรณีที่โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ซอยกิ่งแก้ว 21 ระเบิดก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมสูง เนื่องจากในขณะนี้ได้ทำการผลิต EPS หรือพลาสติกสำหรับขึ้นรูปโดยมีสารตั้งต้นคือ 1.สาร styrene monomer+ความร้อนจากก๊าซ Propan จะได้ polysyrene หรือ PS คือพลาสติกโฟม 2.นำโฟม PS+ก๊าซ Pentane+ความร้อนจากไอน้ำ (C5H12) คือเกิดปฏิกิริยา polymerization ทำให้สาร PS ขยายตัว (Blowing Agent) กลายเป็น Expanded polystyrene Foam (EPS) หรือพลาสติกสำหรับขึ้นรูปเพื่อเป็นวัสดุต่างๆ (Molding) เป็นผลิตภัณฑ์ต่อไป

ดังนั้น สารเคมีที่ออกมาจากการระเบิดหรือเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้รัศมี 5-10 กม.คือ ควันดำหรือฝุ่น PM10 และ PM2.5 ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ สาร Styrene monomer ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B ประชาชนที่อาศัยรัศมี 5 กม.ควรอพยพไปอยู่ทิศเหนือลม หากยังอยู่ใกล้ต้องสวมหน้ากาก N95 หรือหน้ากากที่ฉาบด้วยสาร Activated carbon หรือหน้ากากกรองก๊าซของโรงงานหน้ากอนามัยป้องกันไม่ได้ สวมแว่นตา เมื่อหายใจเข้าไปมีอาการแน่นจมูก แสบจมูกต้องรีบออกมาที่อากาศถ่ายเทสะดวก ล้างตาด้วยน้ำสะอาด 2-3 นาที

นอกจากนี้ หากผลการตรวจวัดหากพบค่าสาร Styrene monomer เกิน 100 ส่วนในล้านส่วน ต้องรีบออกมาโดยด่วนเพราะเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ พร้อมทั้งต้องระวังน้ำเสียที่เกิดจากการดับเพลิงจะปนเปื้อนสารเคมีลงสู่ลำคลองใกล้เคียงจะเป็นอันตรายต่อระบบนิเวศทางน้ำด้วย สัตว์น้ำใกล้เคียงต้องงดจับมาเพื่อการบริโภค

นายสนธิ กล่าวอีกว่า โรงงานนี้ตั้งมาตั้งแต่ปี 2532 ต่อมา พื้นที่เจริญขึ้นมากทำให้มีบริษัท ชุมชน หมู่บ้านจัดสรรเกิดขึ้นจำนวนมากและมาตั้งใกล้เคียง อย่างไรก็ตาม โรงงานเองต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในรายงาน ESA หรือรายงานสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยที่เสนอไว้โดยส่งให้กรมโรงงานและอุตสาหกรรมจังหวัดปีละ 2 ครั้ง ถือเป็นการ Declare ตัวเอง ซึ่งหน่วยงานราชการต้องไป audit เรื่องสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยทุกปีด้วยเช่นกัน ดังนั้น กรณีนี้เกิดจากการที่โรงงานปฏิบัติไม่เป็นไปตามข้อกำหนดหรือไม่ต้องสอบสวนกันต่อไป