เชียงราย - รอง ผบช.ภ.5 นำตำรวจแถลงจับแล้ว 1 ผู้ต้องหาหนุ่มแม่จัน ร่วมควงปืนยิงนำบุกจี้ชิงทองกลางเชียงราย 2 รอบ พร้อมเร่งประสานเมียนมาล่า 2 ชาวพม่าเพื่อนร่วมแก๊งร่วมก่อเหตุก่อนหอบทองหนัก 168 บาทขายถูกฝั่งท่าขี้เหล็ก
วันนี้ (2 ก.ค. 64) พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์ รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย นำเจ้าหน้าที่แถลงข่าวคดีคนร้ายบุกจี้ร้านทองเยาวราชสินทวี สาขาตลาดป่าก่อไทใหญ่ ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 คน คือ นายพิเชษฐ์ ซาวคำเขต อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 92 หมู่ 4 ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นยี่ห้อยามาฮ่า M-SLAZ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
ส่วนผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุอีก 1 คน พบว่าได้นำอาวุธปืนของกลางและทองคำรูปพรรณที่ได้ไปน้ำหนักรวม 114 บาท หลบหนีไปอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย แล้ว โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประสานคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น หรือทีบีซี เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมแล้วส่งตัวมาดำเนินคดีในฝั่งไทยต่อไป
พล.ต.ต.เฉลิมพลกล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนและส่วนหนึ่งมีพลเมืองดีช่วยแจ้งเบาะแสจนทราบตัวผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นผู้ต้องหารายนี้ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันวางแผนจี้ร้านทองดังกล่าวจริงและเมื่อได้ทองคำรูปพรรณไปแล้วได้พากันหลบหนีไปทางชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย-เชียงแสน จ.เชียงราย แล้วข้ามไปยังฝั่งประเทศเมียนมา จากนั้นนำทองไปขายในราคาบาทละประมาณ 18,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าฝั่งไทยที่ให้ราคาบาทละประมาณ 20,000 กว่าบาทขึ้นไป
สำหรับแรงจูงใจที่ทำเพราะมีปัญหาเรื่องหนี้สิน แต่หลังจากก่อเหตุแล้วนายพิเชษฐ์ (ผู้ต้องหา) ได้เดินทางกลับมายังฝั่งไทยและยืมรถบุคคลอื่นมา ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้บนถนนสายเชียงราย-เทิง เขต อ.เมืองเชียงราย ในที่สุด ส่วนเจ้าของยานพาหนะต่างๆ หากตรวจสอบว่าสมรู้ร่วมคิดด้วยก็ต้องดำเนินคดีด้วยเช่นกัน
พล.ต.ต.เฉลิมพลกล่าวอีกว่า ผู้ต้องหารายนี้ยังสารภาพอีกว่านอกจากจะก่อคดีที่ร้านทองเยาวราชสินทวี ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย แล้ว ยังก่อเหตุจี้ชิงทองหนัก 54 บาท ในท้องที่ ต.บ้านบ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย เมื่อต้นปี 2564 แต่คนร่วมก่อเหตุเป็นอีกคนหนึ่งทำให้คนร้ายที่ก่อเหตุจี้ร้านทองทั้ง 2 แห่งมีรวม 3 คน นอกจากนายพิเชษฐ์แล้วยังมีชายอีก 2 คน ซึ่งทราบว่าเป็นชาวเมียนมา และหลังก่อเหตุจี้ร้านทองที่ ต.บ้านดู่ แล้วได้นำของกลางพร้อมรถจักรยานยนต์หลบหนีไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
ทั้งนี้ จากกรณีทั้ง 2 ร้านดังกล่าว ตำรวจแจ้งเตือนไปยังร้านทองต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบให้ติดลูกกรงป้องกันให้เรียบร้อย เพราะปัจจุบันในประเทศไทยมีการติดตั้งแล้วกว่า 90% ที่เหลืออาจเป็นจุดอ่อนให้คนร้ายใช้ก่อคดีได้เหมือนในครั้งนี้ดังกล่าว
สำหรับชาวเมียนมาที่ร่วมก่อเหตุจี้ร้านทองกับนายพิเชษฐ์ เจ้าหน้าที่ได้พบเบาะแสครั้งล่าสุดว่าไปกบดานอยู่ที่บ้านป่ากุ๊ก บ้านป่ากว๋าว และบ้านปะหล่อง เมืองพง จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามบ้านปางห้า ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย ซึ่งเป็นจุดที่นายพิเชษฐ์พร้อมพวกใช้หลบหนีหลังก่อเหตุครั้งล่าสุด โดยได้นำรถจักรยานยนต์ไปฝากเอาไว้ที่ใกล้ชายแดนเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.
เจ้าหน้าที่พบภาพจากกล้องวงจรปิดจากจุดต่างๆ ตั้งแต่ อ.เมืองเชียงราย อ.แม่จัน อ.ดอยหลวง อ.เชียงแสน และ อ.แม่สาย ต่อมาเมื่อนายพิเชษฐ์ข้ามกลับมาฝั่งไทยได้ขับขี่รถคันเดิมกลับมาที่บ้านเพื่อนพื้นที่ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย และยืมรถยนต์กระบะอ้างว่าจะไปทำธุระเร่งด่วนเพราะแม่ป่วยทำให้ถูกจับกุมได้ในที่สุด ซึ่งเจ้าตัวสารภาพว่าในการก่อเหตุจี้ร้านทองทั้ง 2 แห่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ให้เพื่อนชาวเมียนมา 2 คนในการก่อเหตุคนละครั้ง
ขณะที่ก่อนหน้านี้นายพิเชษฐ์เคยถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ฯ และลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ ท้องที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2558 จากนั้นได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ "เชด ยอง" ทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ และยังมีภาพสวมใส่เสื้อผ้าหลายชุดที่ตรงกับชุดที่สวมใส่ไปก่อเหตุจี้ชิงทองด้วยทำให้สามารถสังเกตลักษณะได้อย่างง่ายดายและทางตำรวจใช้เป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมด้วย