เชียงราย - ตำรวจไล่สกัดจับได้กลางดึก..หนึ่งในผู้ต้องสงสัยก่อเหตุอุกอาจ ควงปืนยิงนำบุกจี้ชิงทองหนัก 114 บาท มูลค่า 3 ล้าน กลางเมืองเชียงรายก่อนขี่มอเตอร์ไซค์หนี
ความคืบหน้ากรณีคนร้าย 2 คนก่อเหตุอุกอาจชักปืนยิงนำก่อนบุกเข้าชิงทรัพย์ที่ร้านทองเยาวราชสินทวี เลขที่ 88/4 สาขาตลาดป่าก่อไทใหญ่ อ.เมืองเชียงราย และชิงทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 114 บาท มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท หลบหนีไปตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุดตำรวจชุดสืบสวน บก.สส.ภ.5 พร้อมชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงราย และ สภ.เมืองเชียงราย สืบทราบจุดกบดานตัวของคนร้ายในคดีนี้แล้ว หลังจากใช้เวลาแกะรอยมาหลายวัน โดยพบว่าผู้ต้องสงสัยใช้รถยนต์กระบะสีดำและมีโครงเหล็กตรงท้ายกระบะขับไปตามถนนหมายเลข 1020 สายเชียงราย-เทิง กลางดึกที่ผ่านมา (30 มิ.ย. 64)
เจ้าหน้าที่เกรงว่าคนร้ายจะเริ่มรู้ตัวว่าถูกติดตามจับบนเส้นทางดังกล่าว ซึ่งสามารถไปทางชายแดนไทย-สปป.ลาว และแยกไปทาง จ.พะเยาได้ จึงได้นำกำลังตั้งจุดสกัดเอาไว้หลายจุด กระทั่งพบความเคลื่อนไหวรถต้องสงสัยกำลังมุ่งหน้าจะไปทาง อ.เทิง จ.เชียงราย จึงได้ออกมาสกัดไว้ แต่คนขับรถคันดังกล่าวได้กลับรถขับไปทาง อ.เมืองเชียงรายอย่างรวดเร็วและมีพิรุธ
เจ้าหน้าที่จึงประสานหน่วยใกล้เคียงให้ตั้งจุดสกัดเอาไว้อีกจุดตรงพื้นที่บ้านโป่งฮึ้ง หมู่ 2 ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย เมื่อรถคันดังกล่าวขับมาถึงเจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมและควบคุมตัวคนขับเอาไว้ในที่สุด
จากการตรวจสอบพบว่าคนขับเป็นชายอายุ 24 ปี ชาว ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรม เพราะสงสัยว่าได้ร่วมกับพวกอีก 1 คนก่อเหตุจี้ชิงทองคำรูปพรรณที่ร้านทองเยาวราชสินทวีดังกล่าว รวมทั้งเคยถูกดำเนินคดีเมื่อเดือน พ.ค. 2558 คดีร่วมกันลักทรัพย์ฯ และลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ ท้องที่ อ.เมืองเชียงราย และเพิ่งพ้นโทษออกมา จึงได้นำตัวไปทำการสอบปากคำเพื่อขยายผลและสืบหาทองคำรูปพรรณที่หายไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.มีกำหนดจะเดินทางไปตรวจสอบคดีในอีก 1-2 วันนี้ด้วย และสงสังว่าคนร้ายรายนี้อาจเป็นรายเดียวกับที่ก่อเหตุบุกจี้ชิงทองรูปพรรณ ร้านทองเยาวราชทวีสิน เลขที่ 149/1 หมู่บ้านต้นลุง หมู่ 11 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นคนร้ายได้ทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 54 บาท และมีพฤติกรรมใช้ปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า 2 นัดเหมือนกัน รวมทั้งเมื่อดูรูปพรรณสัณฐานจากภาพทางกล้องวงจรปิดพบว่ามีความคล้ายคลึงกัน