บุรีรัมย์ - หนุ่มก่อสร้างวัย 41 ปีกลับจากแคมป์คนงานกรุงเทพฯ เมินกักตัวติดเชื้อโควิด-19 ทำบุรีรัมย์ป่วนสั่งปิดด่วนโรงเรียน 5 แห่งรวด ผวาเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์แพร่เชื้อ หลังเจ้าตัวถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ลั่นผู้เดินทางมาจาก 15 จังหวัดเสี่ยงไม่ปฏิบัติตามประกาศมีโทษตาม กม.ทุกราย
วันนี้ (7 ก.ค.) นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด, พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และนายแพทย์ พิเชษฐ พืชขุดทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ได้ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาด และมาตรการในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์
นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในแคมป์คนงานก่อสร้างกระจายไปหลายแห่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่ง ศบค.ได้ประกาศกำหนดปิดแคมป์คนงานดังกล่าวเป็นระยะเวลา 1 เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมีโอกาสเดินทางกลับมายังภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 เป็นบริเวณกว้าง ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์จึงได้มีมติจัดเตรียมพื้นที่กักกันโรคของรัฐในระดับจังหวัด/อำเภอ (Local Quarantine) ในท้องที่ที่อำเภอกำหนด เพื่อรองรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่อาจเกิดการแพร่ระบาดที่รุนแรงเป็นบริเวณกว้าง
จากข้อมูลการเฝ้าระวังพบว่า ขณะนี้มีประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่สีแดงเข้ม และพื้นที่สีแดง ได้กักกันตัวในพื้นที่กักกันโรคของรัฐในระดับจังหวัด/อำเภอ (Local Quarantine) ในท้องที่ที่อำเภอกำหนด จำนวน 654 ราย กักกันตัวอยู่ที่บ้าน จำนวน 20,635 ราย (เฝ้าระวังยังไม่ครบ 14 วัน จำนวน 641 ราย) แต่ยังคงพบเหตุการณ์มีผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงที่พบการระบาดของโรคโควิด-19 โดยไม่ผ่านการกักกันตัวตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ที่กำหนด
ด้าน นายพิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ระบุว่า จากกรณีของหนุ่มก่อสร้าง อายุ 41 ปี ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาแล้วไม่แจ้ง ไม่ตรวจ ไม่กักตัว ทำให้เกิดปัญหา Super spreader หรือเป็นบุคคลที่เสี่ยงแพร่กระจายเชื้อ ทำให้โรงเรียนในจังหวัดต้องมีการสั่งปิดเรียนกะทันหันถึง 5 แห่ง ทั้งนี้ จากการค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติมในครอบครัวและชุมชน พบว่ามีผู้สัมผัสเพิ่มเติมรวมจำนวน 9 ราย โดยแบ่งเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดภายในครอบครัว 6 ราย (ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบตามจำนวนแล้ว 2 ราย) และเป็นผู้สัมผัสที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงอีก 3 ราย
ขณะนี้ผู้สัมผัสเสี่ยงทุกรายอยู่ระหว่างการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ขณะที่ทั้งจังหวัดมียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2564 จำนวน 304 ราย อยู่ระหว่างรักษา 75 ราย หายป่วยและกลับบ้านแล้ว 226 ราย เสียชีวิตสะสม 3 ราย
ทางด้าน พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด กล่าวว่า จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยรายนี้มีเจตนาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ไม่ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ก็มีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานและไม่ปฏิบัติตามประกาศโรคติดต่อ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน และปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งได้แจ้งให้ผู้ป่วยรายดังกล่าวทราบแล้ว
ทั้งนี้ ยังได้แจ้งเตือนไปยังผู้ที่จะเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสีแดง หรือแดงเข้ม 15 จังหวัดตามประกาศ จะต้องรายงานตัวและกักตัวตามประกาศ หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมายเช่นกัน