พิษณุโลก - ฮือฮาไม่หาย..อดีตครูเออร์ลีฯ ขายกล้วยหอมคาเวนดิชหน่อเดียวได้ถึง 70,000 บาท สะท้อนตลาดซื้อขายกล้วยใบด่างเฟื่องจัด โพสต์โชว์-ขายในเฟซหลากชนิดหลายสายพันธุ์ ใบด่างราคาหลักหมื่นถึงหลักแสน
ยังคงเป็นที่กล่าวถึงกันต่อเนื่อง..กรณี นายวันชัย กิจบำรุงพร อายุ 67 ปี อดีตข้าราชการครู-เจ้าของบ้านสวนอาจารย์ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ถ่ายรูปและโพสต์ในเฟซบุ๊ก ระบุว่า “หน่อกล้วย” เพียงต้นเดียว มีลักษณะใบด่าง ขายได้จริงๆ ในราคาหน่อละ 70,000 บาท มัดจำ 5 พันและส่งมอบหน่อกล้วยเรียบร้อยแล้ว
นายวันชัย กิจบำรุงพร อดีตครูเก่าเจ้าของบ้านสวนอาจารย์ ที่ขายกล้วยหอมคาเวนดิชหน่อเดียว 70,000 บาท เปิดเผยว่า กว่าจะได้หน่อกล้วยใบด่างหน่อละ 7 หมื่นไม่ใช่เรื่องง่าย อดีตตนเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เคยสอนที่โรงเรียนบ้านกร่างวิทยาคม ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ก่อนเออร์ลีรีไทร์ออกมาเมื่อ 17 ปีก่อน ด้วยความที่ตนและภรรยาซึ่งเป็นครูด้วยกันอยากทำอาชีพเกษตรกรรม จึงนำเงินก้อนที่ได้จากการเออร์ลีฯ มา 600,000 บาท ซื้อที่นาบ้านแหลมดู่ ม.7 ต.แม่ระกา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก จำนวนประมาณ 27 ไร่ ในราคา 800,000 บาท
จากนั้นก็ได้ปรับที่ทำคันล้อมรอบเพื่อป้องกันน้ำท่วม ทำการเกษตรสวนผสมผสาน เริ่มต้นจากปลูกมะพร้าวน้ำหอม มะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์ มะละกอพันธุ์แขกดำ มะนาวแป้นลำไร มะนาวแป้นพิจิตร ส้มโชกุน ทุเรียน ฯลฯ รวมถึงกล้วยหอมคาเวนดิช อีก 2,000 ต้น
“เราทำแบบเรียนรู้ศึกษาไปและลงมือปฏิบัติ ใช้เวลาไม่กี่ปี ผลผลิตมะพร้าวน้ำหอมเริ่มออก จึงมาจำหน่ายที่ตลาดนัดเกษตรกรหน้าศาลากลาง จ.พิษณุโลก ทุกวันจันทร์และวันศุกร์ ได้รับการตอบรับดีทั้งขาประจำและขาจร ภายใต้แบรนด์ Coco slow life by บ้านสวนอาจารย์ ต่อมาพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชนผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตรปลอดภัย อ.วังทอง
นายวันชัยเผยอีกว่า จากผู้ผลิตที่เคยถูกพ่อค้าขายส่งกดราคารับซื้อลูกละ 5-7 บาท พอมาขายเองได้ลูกละ 25 บาท เฉาะให้เห็นมะพร้าวน้ำหอม 100% สดๆ ผู้บริโภคเริ่มมั่นใจ มีลูกค้ามากขึ้น ต่อมาจึงต้องเฉาะน้ำมะพร้าวจากสวนและแพกใส่ถุงพร้อมจำหน่าย
หลายปีต่อมาน้ำมะพร้าวเริ่มอยู่ตัว ผลผลิตกล้วยหอมคาเวนดิช 2,000 ต้นที่ปลูกไว้ก็เริ่มออก ตนก็นำผลผลิตมาขายเองอีก ทั้งตลาดสดและตลาดนัดต่างๆ เช่น วันเสาร์-อาทิตย์ขายที่ตลาดใต้ ตลาดเทศบาล วันศุกร์ไปขายที่ตลาดนัดหน้าศาลากลาง วันปกติธรรมดาขายที่ปั๊ม ปตท.ชัยนาม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ราคาตั้งแต่หวีละ 40-120 บาท
แต่ที่ไม่คาดคิดก็คือ ลูกสาวตนเห็นว่ากระแสความนิยมไม้ใบด่างขยายตัวอย่างน่าสนใจ จึงไปค้นหาสวนกล้วยหอมคาเวนดิชที่ปลูกไว้ 2,000 ต้น ก็พบว่ามีหน่อกล้วยเพียงต้นเดียวมีลักษณะ “ใบด่าง” ลูกสาวตน จึงถ่ายรูปและโพสต์ในเฟซบุ๊ก และมีคนมาซื้อจริงๆ ในราคาหน่อละ 70,000 บาท ซึ่งได้มัดจำ 5 พันและส่งมอบหน่อกล้วยเรียบร้อยแล้ว
นายวันชัยเปิดเผยต่อว่า ที่จริงกล้วยหอมคาเวนดิชหน่อละ 7 หมื่น ก็เหมือนที่วางขายตามร้านสะดวกซื้อ และที่ตนปลูกไว้จำนวน 2,000 ต้น ซึ่งผลกล้วยก็ส่งขายทั้งลูกค้าประจำ-ตลาดสด/ตลาดนัด หวีละ 40-120 บาท หน่อกล้วยปกติก็ขายหน่อละ 5 บาท เพียงแต่ด้วยกระแสความนิยมไม้ใบด่างที่มีการซื้อขายกล้วยใบด่างในราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนอย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งขายได้จริง แต่พอไปสำรวจในสวนเพิ่ม ก็ไม่พบอีก กำลังลุ้นอีก 1 หน่อเล็กๆ ที่กำลังแทงยอดขึ้นมาใหม่ ว่าจะมีใบด่างเหมือนต้นแม่หรือไม่
ด้าน “น้องมิ้นท์” ลูกสาวนายวันชัย กิจบำรุงพร เปิดเผยว่า 1 ปีที่ผ่านมา พ่อ แม่ และตน ได้ซื้อหน่อกล้วยหอมคาเวนดิช ในราคาหน่อละ 50 บาท มาปลูก ซึ่งก็พอรู้อยู่แล้วว่ามีหน่อหนึ่งที่มีปัญหา คือ ลักษณะด้อย ลักษณะด่าง แรกๆ จะทิ้งแล้ว ไม่อยากปลูก แต่บังเอิญต้นอื่นตาย จึงนำต้นที่มีปัญหาไปปลูกแทน หลังจากนั้นก็พบว่าหน่อกล้วยคาเวนดิชตนนั้นโตช้ากว่าต้นอื่นๆ ช่วงนั้นคิดว่าเป็นโรคแน่ๆ
หลังจากปลูกไปแล้วประมาณ 1 ปี คนงานที่ดูแลสวนฯ บอกว่า..มีต้นกล้วยลายแปลก 1 ต้น ซึ่งตนพอรู้ว่ากระแสการเล่นใบด่างที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นตลาดซื้อขายกันหลักพันบาท กระทั่งต้นปี 64 ที่ผ่านมามีการซื้อขายตั้งแต่หมื่นถึงแสนบาท เช่น แดงอินโด หอมทองไต้หวัน หอมคาเวนดิช หอมจำปา ฯลฯ
และบังเอิญตนมีเพื่อนชอบซื้อขายกล้วยด่าง จึงถ่ายรูปให้เพื่อนดูและโพสต์ขาย กระทั่งมีคนมาซื้อถึง 7 หมื่นบาท ณ วันนี้พบว่าหน่อกล้วยทั้งหมด 3 หน่อ ได้ขายไปแล้ว 1 หน่อย อีกหนึ่งหน่อแทงมาเป็นสีเขียวแล้ว ซึ่งยอมรับว่าขายราคาแพงไม่ได้ แต่ยังพอลุ้นอีก 1 หน่อ ซึ่งใบยังไม่คลี่ คาดว่าอีกไม่นานคงรู้ว่าจะเป็นใบด่างหรือไม่
น้องมิ้นท์เปิดเผยอีกว่า ต้นกล้วยคาเวนดิชใบด่างที่ขายหน่อไป 7 หมื่นนั้น ต้นแม่ก็ให้เป็นสีใบด่างเหมือนกัน แต่โค่นหรือฟันทิ้งไปแล้วเพื่อให้หน่อโต ส่วนลูกกล้วยที่ออกมาก็พบเป็นลายขาวๆ น่าจะได้รับลักษณะด้อยออกมาจากต้นแม่ใบด่าง แต่หวีกล้วยหอมที่ผ่านมาก็ขายราคาปกติ เนื่องจากกล้วยหอมไม่มีเมล็ด แต่หากเป็นกล้วยป่าหรือพวกตานี ซึ่งมีเมล็ด อาจขายกันลูกละ 500 บาท เพราะมีเมล็ดเอาไปเพาะขยายสายพันธุ์ด่างได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระแสความนิยมกล้วยใบด่างสะท้อนให้เห็นแต่ในเฟซบุ๊ก "กลุ่มคนรักกล้วยด่าง" ซึ่งมีการโพสต์ขาย/ประมูลราคากัน อย่าง กล้วยด่าง น้ำว้าค่อมด่าง จากราคาเปิดหน่อละ 10,000 บาท ขึ้นไปถึง 15,000 บาท จนถึง 63,000 บาท, กล้วยตานีด่าง สูง 110 ซม. ราคา 75,000 บาท รวมไปถึงกล้วยป่าปาปัวนิวกินี ฟลอริดา ว้าค่อม มะลิอ่อง ที่โพสต์ราคาขายกันตั้งแต่หน่อละ 18,000 -60,000 บาท ขณะที่บางโพสต์ก็ประกาศตั้งรับ “แดงอินโด” ในราคาสูงถึง 900,000 บาท เป็นต้น