สุรินทร์ - หนุ่มใหญ่เมืองช้างวัย 32 ปี ทะเลาะกับภรรยาและภรรยาขับ จยย.หนีไป จึงน้อยใจและเครียดคิดสั้นลาโลกไลฟ์สดเฟซบุ๊กใช้สายเคเบิลผูกคอกับขื่อดับคาห้องพัก พนักงานโรงงานสงวนฟอร์นิเจอร์ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
วันนี้ (23 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.ปราสาท ได้รับแจ้งเหตุจากทางสายด่วนหมายเลข191 ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ สภ.ปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ว่า มีชายไทยกำลังไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กตัดพ้อลาโลกขณะนำเชือกพยายามผูกคอตาย ให้นำเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยออกไปตรวจสอบและค้นหาพิกัด สถานที่เกิดเหตุภายห้องแถวบ้านพักพนักงานโรงงานสงวนฟอร์นิเจอร์ ไม่ทราบเลขที่ เขตพื้นที่ บ.คลองธรรม ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
หลังจากรับแจ้งจึงได้ประสานไปทาง ร.ต.ท.วิรัตน์ ทองดีวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.ปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.ปราสาท รุดออกตรวจสอบและค้นหาสถานที่เกิดเหตุใช้เวลานานกว่า 30 นาที จึงพบพิกัดห้องพักดังกล่าว เป็นห้องพักพนักงานอยู่ภายในโรงงาน
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยมาถึงที่เกิดเหตุจึงได้พังประตูเข้าไปพบว่าผู้ที่ไลฟ์สดผูกคอตายเสียชีวิตแล้วโดยห้องพักดังกล่าวเป็นห้องพักพนักงานโรงงานสงวนฟอร์นิเจอร์ พบว่า ชายผู้ที่ไลน์สดดังกล่าวใช้สายเคเบิ้ลขึ้นไปผูกที่ขื่นกลางห้องพักแขวนคอเสียชีวิต ทราบชื่อ นายวิเชียร อุปถัมภ์ อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 5 ม.3 ต.ทุ่งโป่ง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
จากนั้นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนพร้อมชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บหลักฐานภายในที่เกิดเหตุภายในห้องพัก พบโทรศัพท์มือถือถูกว่างตั้งกล้องไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กของผู้ตาย จากการสันนิษฐานคาดว่า ผู้ตายเกิดอาการน้อยใจภรรยาและเครียดประกอบกับผู้ตายชอบดื่มสุราอยู่เป็นประจำ จากการสอบถามเพื่อนพนักงานที่อาศัยอยู่ข้างห้องติดกันเล่าว่า ก่อนหน้านั้นผู้ตายได้มีปากเสียงทะเลาะกันกับภรรยาภายในห้องดังกล่าวสักพักหนึ่ง ทางฝ่ายภรรยาได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากห้องพักไป จากนั้นผู้ตายจึงได้ไลฟ์สดขณะกำลังพยายามใช้สายเคเบิ้ลขึ้นไปผูกและแขวนคอตัวเองเสียชีวิต
ส่วนสาเหตุเบื้องต้น ร.ต.ท.วิรัตน์ ทองดีวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.ปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้ทำการเข้าตรวจสอบเก็บภาพและข้อมูลเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว จากนั้นได้ให้หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.ปราสาท เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตนำส่งโรงพยาบาลปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อให้ทางแพทย์นิติเวชชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนประสานทางญาติผู้เสียชีวิตเพื่อนำหลักฐานมาขอติดต่อรับร่างผู้ตายกลับภูมิลำเนาไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป