ศูนย์ข่าวศรีราชา - เปิดแผน Pattaya Seal Route ทางออกใหม่แก้ปัญหาท่องเที่ยวช่วงปลายปี หลังโครงการ Sand Box พัทยาไม่คืบจากพิษกระจายวัคซีนโควิด-19 ไม่ชัดเจน สภาพภูมิศาสตร์ไม่เอื้อ
วันนี้ (11 มิ.ย.) นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ที่ปรึกษาสมาคมสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้ออกมาเปิดเผยถึงการขอรับวัคซีนโควิด-19 จากภาครัฐเพื่อฉีดให้บุคลากรส่วนหน้า ประชาชน และบุคลากรด้านทางการท่องเที่ยวให้ได้อัตรา 70% ของประชากรที่มีกว่า 4.5 แสนคนในเมืองพัทยาเพื่อให้ทันต่อการเปิดฤดูท่องเที่ยวภายในเดือน ส.ค.นี้ รวมถึงแผนเปิดเมืองพัทยารับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้า
หลังพบไทมไลน์การแจกจ่ายวัคซีนให้เมืองพัทยาของรัฐบาลที่ไม่มีความเคลื่อนไหวเด่นชัดเจน ผิดจากแผนการจัดทำโครงการ Pattaya move on ที่จะยกระดับขึ้นจากโครงการ Sand Box ใน จ.ภูเก็ต
เนื่องจากเมืองพัทยา และภูเก็ตมีสภาพต่างกันทางกายภาพคือ การเป็นเกาะและแผ่นดินที่อาจทำให้ขีดความสามารถในการควบคุมนักท่องเที่ยวเป็นไปด้วยความยากลำบาก
“เรื่องนี้ภาคเอกชนมองว่าหากเกิดข้อผิดพลาดและไม่สามารถเปิดเมืองได้ตามแผนที่วางไว้ เมืองพัทยาคงจะต้องรอเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวได้อีกในปี 2565 จึงอยากเสนอรัฐบาลให้สนับสนุนเมืองพัทยา ให้สามารถเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบ Soft opening ในช่วงเดือน ส.ค. และ ก.ย. ไปก่อนในลักษณะ Seal Route เพื่อดูปัญหาอุปสรรคก่อนจะเปิดเมืองจริงในเดือน ต.ค.2564 ต่อไป”
ทั้งนี้ แผนจัดทำโครงการ Pattaya move on ได้รับการท้วงติงจากกระทรวงสาธารณสุข ว่าการเป็นพื้นที่เปิดที่มีจุดท่องเที่ยวเชื่อมโยงที่หลากหลาย อาจทำให้เมืองพัทยา เมื่อเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวหรือ Sand Box ในพื้นที่ 2 อำเภอหลัก คือพัทยา และสัตหีบ ไม่สามารถควบคุมการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้
ดังนั้น เพื่อให้ทันกับการเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ ภาคเอกชนจึงอยากให้มีการเปิดเมืองแบบ Seale Route ที่สามารถควบคุมนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มและให้เข้าพัก รวมทั้งทำกิจกรรมในโรงแรมไปก่อนจนครบกำหนด 3-5 วัน จึงจะสามารถออกเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่ผ่านการตรวจและมีความปลอดภัยได้มาตรฐาน SHA+
หรือสถานประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน HA (Hospital Accreditation) ที่พนักงานต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 70% แล้วเช่นกัน
ขณะที่เส้นทางการเดินทางของนักท่องเที่ยวจะต้องผ่านการดูแลตามหลักการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งในด้านการขนส่งจากสนามบินสู่ที่พัก รวมไปถึงเส้นทางท่องเที่ยวต่างๆ
นายธเนศ ยังเผยถึงการจัดสรรวัคซีนให้ภาคท่องเที่ยวว่า หากเมืองพัทยามีไทม์ไลน์ที่เชื่อถือได้ว่า ภาครัฐจะจัดสรรวัคซีนให้ตามที่กำหนดเช่นเดียวกับ จ.ภูเก็ต
โดยเฉพาะการสนับสนุนวัคซีนจำนวน 900,000 โดสเพื่อฉีดให้ประชากรจำนวน 4.5 แสนคน หรือ 70% ของจำนวนประชากร เชื่อว่า เมืองพัทยาจะเป็นการท่องเที่ยวในรูปแบบ Seal Route นำร่องให้แก่พื้นที่อื่น