เชียงใหม่ - ศูนย์โควิด-19 เชียงใหม่เผยยอด 3 วันคนรับการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 2 หมื่นราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่อง ปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากการสัมผัสในครอบครัว ย้ำร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง เปิดขายได้ปกติ แต่ต้องเคร่งครัดมาตรการป้องกัน ส่วนอีก 7 สถานที่เสี่ยงปิดต่อเนื่องรอประเมินสถานการณ์
วันนี้ (9 มิ.ย. 64) ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ระลอกเดือนเมษายนจังหวัดเชียงใหม่ประจำวันว่า วันนี้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามเชียงใหม่ ทีมบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขประจำโรงพยาบาลสนาม ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ได้ร่วมกันส่งผู้ติดเชื้อ 2 คนสุดท้ายที่รักษาหายแล้วเดินทางกลับบ้าน
โดยวันนี้ถือเป็นการปิดทำการของโรงพยาบาลสนามศูนย์ประชุมฯ ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนได้ทำการรักษาผู้ติดเชื้อมากว่า 2,500 ราย ซึ่งจะได้มีการคืนพื้นที่ใช้งานได้ตามปกติในเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้หากพบว่ามีการระบาดเพิ่มก็สามารถระดมทีมแพทย์และสาธารณสุขเปิดได้ภายใน 2 วัน ส่วนสิ่งของบริจาคและน้ำดื่มจะได้นำไปบริการแก่ประชาชนตามจุดฉีดวัคซีนต่างๆ ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้ติดเชื้อที่รักษาหายและออกจากโรงพยาบาลแล้วเป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรค มีความปลอดภัย สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ต้องกลับมาทำการตรวจซ้ำ และใช้ใบรับรองแพทย์ยืนยันเพื่อกลับเข้าทำงานได้เลย
สำหรับสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 1 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 4,107 ราย รักษาหายแล้ว 4,022 ราย ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภทจำนวน 59 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลรัฐ 52 ราย โรงพยาบาลเอกชน 6 ราย และโรงพยาบาลต่างจังหวัดอีก 1 ราย โดยในวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ที่ 26 ราย ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 32 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 19 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 5 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 3 ราย
ขณะที่การตรวจผู้สัมผัสและผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 934 ราย พบผู้มีผลบวกเพียง 1 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.11 ปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นการสัมผัสในครอบครัว โดยเฉพาะผู้ป่วย 3 รายล่าสุดของจังหวัดเชียงใหม่ที่ได้มีการรายงานไปแล้วเมื่อวานนี้ ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 รายของวันนี้เป็นหลานฝาแฝด ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อครอบครัวนี้อยู่ที่ 4 ราย เป็นการติดต่อจากการสัมผัสในครอบครัวที่เป็นตัวอย่างให้ทุกคนตระหนักและเห็นความสำคัญของการป้องกันโรคในครอบครัวและการรักษาระยะห่างในกลุ่มผู้ใกล้ชิด จึงขอเน้นย้ำให้ผู้ที่ไปในพื้นที่เสี่ยงหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อต้องแยกตัวเองจากคนในครอบครัว ส่วนคลัสเตอร์ต่างๆ วันนี้ไม่พบคลัสเตอร์ใหม่ หรือคลัสเตอร์ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่แต่อย่างใด
นอกจากนี้ หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่สามในการฉีดวัคซีนของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามียอดการจองอยู่ที่ 197,108 ราย ยอดสำรวจผู้สนใจรับวัคซีนมีกว่า 1,070,000 ราย และเป็นกลุ่มเป้าหมายประสงค์ฉีดมากกว่าร้อยละ 60 ขณะที่การฉีดวัคซีนทั้งแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค ทั้ง 3 วันได้ฉีดไปแล้วกว่า 20,000 ราย หากรวมยอดตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็น 90,000 กว่าราย ทั้งนี้ หากประชาชนชาวเชียงใหม่ร่วมใจกันฉีดวัคซีนให้ได้ร้อยละ 70 ของจำนานประชากรทั้งหมด หรือกว่า 1,100,000 คน ก็จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในพื้นที่ได้
ส่วนข้อสงสัยของประชาชนเกี่ยวกับการผ่อนคลายการเปิดสถานที่ตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ที่ 63/2564 ได้ชี้แจงว่าสถานที่ที่ยังคงให้ปิดต่อไปมีอยู่ 7 สถานที่ คือ 1. สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกับสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบกิจการอาบน้ำ สถานประกอบกิจการอาบอบนวด 2. โรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ โรงละคร 3. โต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง 4. ร้านเกม ตู้เกม และร้านอินเทอร์เน็ต 5. โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ ยิม ฟิตเนส 6. สถานที่สัก-เจาะผิวหนัง หรือร่างกาย และ 7. โรงเรียนสอนลีลาศ-เต้นรำ
ขณะที่สถานที่อื่นๆ สามารถเปิดได้ตามปกติ แต่ยังคงต้องรักษามาตรการป้องกันโรคให้แก่ผู้ใช้บริการอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำอีก โดยร้านอาหารสามารถเปิดได้ตามปกติเช่นกัน แต่ยังห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน ส่วนห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เกต ตลาดโต้รุ่ง ขายสินค้ากลางวัน เปิดได้ตามเวลาปกติ อย่างไรก็ตาม สถานที่ที่ยังให้ปิดอยู่ทั้ง 7 สถานที่นั้น คณะกรรมการโรคติดต่อจะประเมินสถานการณ์ไปอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะอนุญาตให้กลับมาเปิดได้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน