หนองคาย - เทศบาลเมืองหนองคาย หน่วยกู้ภัยชบาหนองคาย การไฟฟ้า และชาวชุมชนวัดมีชัยท่า เก็บซากต้นโพธิ์ยักษ์อายุกว่า 100 ปีที่หักโค่นทับคนเจ็บออกแล้ว ส่วนอีกต้นที่อยู่ใกล้กันก็จะโค่นออก หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย
หลังจากเกิดเหตุการณ์ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ สูงกว่า 20 เมตร อายุมากกว่า 100 ปี ภายในวัดมีชัยท่า เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ล้มทับกำแพง ขวางถนน ดึงเอาสายไฟฟ้าแรงสูงขาด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ขี่ผ่าน จำนวน 3 ราย บางคนถูกกิ่งไม้ทับ บางคนถูกสายไฟฟ้าฟาดจนรถล้ม เหตุเกิดเมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 5 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าในเช้าวันนี้ (6 มิ.ย.) ได้มีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองหนองคาย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหนองคาย หน่วยกู้ภัยชบา 191 หนองคาย และประชาชนในชุมชนวัดมีชัยท่า ได้ร่วมกันเก็บกวาดท่อนไม้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในบริเวณวัด ตัดต้นไม้ออกเป็นท่อน เคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัย
ซึ่งยังพบว่าจุดที่ต้นโพธิ์ยักษ์หักโค่นนั้นมีต้นโพธิ์อยู่ด้วยกัน 2 ต้น อายุไล่เลี่ยกัน และตรวจสอบแล้วต้นโพธิ์ที่ยังยืนต้นอยู่นั้น ลำต้นกลวงเป็นโพรง ลักษณะกิ่งไม้ฉีกออก
คาดว่ารากต้นไม้ก็จะผุพังไปด้วย ประกอบกับเมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ อ.เมืองหนองคาย ทำให้ต้นโพธิ์อุ้มน้ำไว้ปริมาณมาก ขณะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหนองคายได้ทำการแก้ไขระบบไฟฟ้า และสามารถจ่ายไฟให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 21.00 น.ที่ผ่านมาแล้ว
นายสุบิน โสภาเวทย์ ชาวชุมชนมีชัยท่าและกรรมการวัด กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางวัดร่วมกับชุมชนมีชัยท่า ได้ทำหนังสือถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้องขอความร่วมมือทำการตัดแต่งต้นโพธิ์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหักโค่นขวางถนนในช่วงหน้าฝนที่มีฝนตก ลมแรง และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เพิ่งทำการตัดแต่งกิ่งไม้ออกบางส่วน แต่ไม่ได้ตัดต้นไม้ออกทั้งหมด
จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น หลังจากนี้ทางวัดจะได้หารือร่วมกับเทศบาลเมืองหนองคายเพื่อเข้าไปเยี่ยมและเยียวยาผู้บาดเจ็บ ส่วนอีกต้นที่เหลือก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน
คือ ต้นไม้แก่ อายุมาก รากผุพัง ลำต้นโพรง กลวง เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุซ้ำอีก ดังนั้นจึงต้องทำการตัดโค่นออกไปให้หมด
ด้านผู้สูงอายุชาวชุมชนวัดมีชัยท่าบอกว่า ต้นโพธิ์ทั้งสองต้นนี้มีอายุประมาณ 300 ปี อายุยืนยาว ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังเหมือนรถเทดิน พอเดินออกมาดูก็ไม่เห็นรถเทดิน กลายเป็นว่าต้นโพธิ์ล้มลง เชื่อว่าเป็นเพราะธรรมชาติ ต้นโพธิ์อายุมากแล้ว ทั้งที่ขณะเกิดเหตุไม่มีลม ไม่มีฝน ก็เหมือนคนแก่ที่รอวันล้มลง และก็ค่อย ๆ หมดลม ค่อย ๆ โค่นลงไปนั่นเอง
