xs
xsm
sm
md
lg

รวบลูกชายเจ้าของห้างทองชื่อดังเมืองกาญจน์ อายัดทรัพย์กว่า 30 ล้านพัวพันยาเสพติด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - ผบช.ตำรวจปราบปรามยาเสพติด นำชุดสยบไพรี ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ตามแผนยุทธการสยบไพรี 64/8 “สยบตะนาวศรี” จับลูกชายเจ้าของห้างทองชื่อดังเมืองกาญจน์ ข้อหาฟอกเงินและพัวพันยาเสพติด อายัดทรัพย์กว่า 30 ล้านเอาไว้ตรวจสอบ

วันนี้ (27 พ.ค.) พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ รอง ผบ.พล.ร.9 พ.อ.ยุทธนา มีเจริญ ผบ.ร.19/ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.ภาคิน แสนพุฒิ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ป.ป.ส.ภาค 7 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ สยบไพรี บช.ปส. นำหมายจับศาลอาญาที่ 286/2564 ลงวันที่ 27 พ.ค.64 เข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมตัวนายธเนศพลร์ มนัสปิยะเลิศ ลูกชายเจ้าของห้างทองชื่อดังของเมืองกาญจน์ ตามแผนยุทธการสยบไพรี 64/8 “สยบตะนาวศรี”

ในข้อหากระทำความผิด “ฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด รับเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดเพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”

ปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เช้า โดยเจ้าหน้าที่ได้นำหมายจับ และหมายค้นไปแสดง ก่อนเข้าตรวจค้นที่ห้างเพชรทองทรัพย์ทวี และนาฬิกา ทองแท้เยาวราช เลขที่ 2/67 ถ.อู่ทอง ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยมีเจ้าของร้านทองและครอบครัวอยู่ภายใน ซึ่ง 1 ในนั้นมีนายธเนศพลร์ มนัสปิยะเลิศ ลูกชายเจ้าของห้างทองผู้ต้องหาตามหมายจับอยู่ด้วย

นอกจากมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังมีสื่อมวลชนทุกสำนักคอยติดตามรายงานข่าวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ญาติของผู้ต้องหาเป็นอย่างมาก และยังได้แจ้งกับสื่อมวลชนว่า ห้างทองแห่งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องคดี หากมีการนำเสนอภาพป้ายชื่อร้านหรือภาพภายในร้านออกไปจะไม่ยอมโดยเด็ดขาดเพราะจะเป็นการทำให้ห้างทองเสียชื่อเสียง แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าของร้านยินดีที่จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นตามหมายค้นได้ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้วย สำหรับบรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียดพอสมควร


ต่อมา เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาสั่งการการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมต่อผู้ต้องหาที่ออกหมายจับ โดย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ได้มีการพูดคุยกับเจ้าของห้างทอง พ่อของผู้ต้องหา รวมทั้งลูกสะใภ้ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ต้องหา การพูดคุยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ จากนั้น พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนบริเวณด้านหน้าห้างทองดังกล่าวทันที โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 แถลงถึงความเป็นมาของคดีดังกล่าว

พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 กล่าวว่าจากสถานการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าชายแดนทางทิศตะวันตกด้านอำเภอสังขละบุรี เพื่อนำจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และใกล้เคียง ซึ่งในรอบปีงบประมาณ พ.ศ.2562-2564 ได้ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้าได้เป็นจำนวนมาก ยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 3,217 กิโลกรัม เคตามีน น้ำหนักประมาณ 591 กิโลกรัม และเฮโรอีน น้ำหนักประมาณ 77 กิโลกรัม

จากการจับกุมและซักถามผู้ต้องหาในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทราบว่า มีกลุ่มผู้กระทำผิดอยู่ 4 กลุ่ม คือ เอวัน ผู้นำกลุ่มกองกำลังแนวชายแดนซึ่งเป็นกลุ่มจัดหายาเสพติด นายสุทัศน์ หรือนุ้ย เดชคำ นักค้ายาเสพติดรายสำคัญซึ่งหลบหนีไปอยู่เขตพญาตองซู ตรงข้ามกับบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี เป็นกลุ่มสั่งการและจัดหาผู้ลำเลียง ยังมีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดและนำยาเสพติดเข้ามาในเขต จ.กาญจนบุรี

เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินค่ายาเสพติดที่ผู้ต้องหาโอนเข้าบัญชีรับเงินค่ายา พบว่า ได้โอนเงินไปยังกลุ่มนักทำบัญชี จากนั้นเงินถูกโอนต่อไปยังกลุ่มฟอกเงินรวมถึงร้านค้าทองคำ ซึ่งร้านดังกล่าวมีความเชื่อมโยงทางการเงินกับเครือข่ายมลยี จาก จ.กาญจนบุรี ไปยังกลุ่ม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 2,000 ล้านบาท


จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน รวม 11 หมาย ฐานสมคบ สนับสนุน ฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน เพื่อจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดและตัดเส้นทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดและฟอกเงินดังกล่าว จึงเป็นที่มาของปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามแผนยุทธการ “สยบตะนาวศรี” ในครั้งนี้

จากผลการปฏิบัติในครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1.นายวิฑูร เพิ่มพูนภิณโย 2.น.ส.กานต์รวี หอระบรรณ์ 3.นายธวัชชัย หรือมด เดชสาร 4.นายธเนศพลร์ มนัสปิยะเลิศ ลูกชายเจ้าของห้างทองที่เข้าจับกุมในวันนี้ และ 5.น.ส.นิรดา ไกรวิจิตร ส่วนผู้ต้องหาอีก จำนวน 6 คน ได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ

สำหรับทรัพย์สินที่ยึดอายัดเอาไว้ตรวจสอบ ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 1 หลัง 3 คูหา ราคาประมาณ 7,000,000 บาท ทองรูปพรรณ ราคาประมาณ 13,000,000 บาท รถยนต์เก๋ง จำนวน 4 คัน มูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน มูลค่าประมาณ 70,000 บาท และเงินสด จำนวน 5,000,000 บาท รวม 30,070,000 บาท

ด้าน พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบเบื้องต้น ทราบว่าเจ้าของร้านทองมีคดีฟอกเงินของ ปปง.หลายคดี แต่เมื่อสักครู่ได้เรียนกับเจ้าของร้านไปแล้วว่า ในการค้ายาเสพติดหรือเส้นทางการเงินที่เข้ามาสู่ร้านนั้นมีหลายเคสหลายคดี ซึ่งกรณีนี้มีความชัดเจน โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ตำรวจ ปส.ตำรวจภูธรภาค 7 รวมทั้งทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันสืบทราบว่า เส้นทางเงินจากการค้ายาเสพติดได้เข้ามาสู่ร้านทองทรัพย์ทวีแห่งนี้เป็นจำนวนมาก มีวงเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้านบาท


จึงมีการสืบสวนจนเป็นที่ชัดเจนว่ามีผู้เข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนหลายคน ดังนั้น ทาง บช.ปส.4 จึงได้มีการขออนุมัติออกหมายจับ และสามารถจับกุมตัวได้เป็นที่เรียบร้อย และขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนและสอบสวน ซึ่งคดีนี้คาดว่าน่าจะเป็นคดีตัวอย่างของเมืองกาญจนบุรี ที่มีการลักลอบนำยาเสพติดออกมาจากชานแดนโดยตรง และยังมีการลักลอบฟอกเงินที่นำเงินออกจากประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับลักษณะที่เกิดขึ้นคือยาเสพติดที่ทางตำรวจภูธรภาค 7 จับได้ประมาณ 1 ตันครึ่ง เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ปี 63 ซึ่งเราสืบทราบว่ายาเสพติดล็อตดังกล่าวนั้นจะถูกลำเลียงส่งไปทางภาคใต้ จากนั้นเงินค่ายาที่จะกลับไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้านจะมีลักษณะจ่ายเป็นทองคำแท่ง และมีลักษณะเป็นการกดเงินที่อยู่ตามแนวชายแดนแล้วนำข้าวไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งการจ่ายค่ายาเสพติดนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ปปง. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี จะร่วมกันทำการตรวจสอบสอบทรัพย์สินของร้านทองทรัพย์ทวีให้ชัดเจนว่า ทรัพย์สินส่วนไหนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินเราจะให้เขาเก็บรักษาไว้ ส่วนทรัพย์สินอะไรที่เกี่ยวพันกับยาเสพติดหรือเกี่ยวกับการที่โอนเงินมาเราจะดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 26 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายวิฑูรย์ เพิ่มพูนภิญโญ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/5 หมู่10 ต.แม่จัวะ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ที่บ้านเช่าเลขที่ 13 หมู่ 9 บ้านพระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และนำตัวไปควบคุมและทำการสอบสวนที่ บก.ร้อย ตชด.134 อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

นายวิฑูรย์ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 285/64 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ในข้อหาสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป
เพื่อร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฟอกเงิน) และหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี เลขที่ 86/64 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2564 สนับสนุนช่วยเหลือหรือร่วมกระทำความผิดร่วมกันมียาเสพติด (ค้ายาเสพติด) ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันกับนายธเนศพลร์ มนัสปิยะเลิศ ลูกชายเจ้าของร้านองทรัพย์ทวี

โดยเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. วันนี้ เจ้าหน้าที่ บช.ปส. ได้นำตัวนายวิฑูรย์ ผู้ต้องหาพร้อมหลักฐานขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางจากสนามจอด ฮ.กองร้อย ตชด.ที่ 134 สังขละบุรี มาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดย พล.ต.ท. มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.กล่าวว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวทำหน้าที่ไปกดเงินเพื่อนำไปส่งให้แหล่งผลิตยาเสพติด รวมทั้งโอนเงินมาให้ร้านทองดังกล่าวด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น