กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯ กาญจน์ ประกาศผ่อนผันโรงแรม รีสอร์ตรับนักท่องเที่ยว และผู้มาพักและเช่าระยะยาวได้ ภายใต้หลักการ Social Distancing โดยเคร่งครัด
วันนี้ (3 พ.ค.) นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี ประกาศคำสั่งคณะกรรมการโรคติดูต่อจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 2107/2564 เรื่อง ผ่อนผันการบังคับใช้คำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 2087/2564 ลงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2564 เรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD-19) ระลอกใหม่ เดือนเมษายน 2564
ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีนั้นระบุว่า เนื่องจากอาจมีผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ต รวมถึงสถานที่ที่มีลักษณะคล้ายกันได้รับผลกระทบ และเกิดความเสียหายอย่างมากต่อธุรกิจ หากมีการบังคับใช้คำสั่งโดยเคร่งครัด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจในอนาคต และเพื่อให้ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่จำเป็นจะต้องมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งผ่านการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุขแล้วจะได้มีที่พักแรม เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35(1) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อ 7(1) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 และข้อ 2 และ ข้อ 8 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2563 และข้อ 11 (ฉบับที่ 18) ลงวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2564
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดกาญจนบุรี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรี จึงมีคำสั่งดังนี้
1.ผ่อนผันให้ผู้ประกอบการที่มีผู้มาพักแรม หรือเช่าที่พักโดยต่อเนื่องระยะยาวให้ดำเนินการต่อไปตามควรแก่การระงับการสูญเสียของกิจการ ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติภายใต้มาตรการ D - M - H - T - T - A และข้อปฏิบัติด้านสุขอนามัยในเรื่องการคัดกรองผู้ติดเชื้อ การล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย ตามหลักการของ Social Distancing โดยเคร่งครัด
และ 2.เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรค 2 (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ทั้งนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้โดยไม่มีเหตุอันสมควรจะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง