บุรีรัมย์ - สาววัย 36 ชาวนางรอง จ.บุรีรัมย์ สุดช้ำใจค้ำซื้อรถยนต์ราคากว่า 1.8 ล้านให้เพื่อนสนิท สุดท้ายถูกฟ้องยึดที่ดินและบ้าน เหตุค้างเงินส่วนต่างกว่า 5 หมื่น ติดต่อเพื่อนไม่ได้ปิดมือถือบล็อกเฟซฯ ไร้ทางออก มีรายได้จากขายของชำแค่วันละ 100-200 กินอยู่ไม่พอ ต้องเลี้ยงลูก 3 คน แม่ป่วยเนื้องอกและพ่อพิการสมอง วอนช่วยเหลือ
วันนี้ (3 พ.ค.) นางพรพรรณ สัตย์รัมย์ อายุ 36 ปี ชาวบ้านนาใหม่ ต.หัวถนน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีอาชีพขายของชำที่บ้าน ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือหลังจากไปค้ำประกันซื้อรถยนต์อเนกประสงค์มูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท ให้เพื่อนสนิทคนหนึ่งแล้วถูกบริษัทฟ้องร้อง ล่าสุดได้รับหมายจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง จะยึดที่ดินและบ้านที่อยู่อาศัยกับครอบครัวในปัจจุบัน เพราะเพื่อนคนที่ซื้อรถคันดังกล่าวยังค้างเงินส่วนต่างกับทางบริษัทอยู่กว่า 5 หมื่นบาท แล้วไม่รับผิดชอบหนีหายไปเลย ทำให้ตนตกเป็นจำเลยที่ 2 ในฐานะคนค้ำประกัน และถูกฟ้องยึดทรัพย์แทน
นางพรพรรณเล่าว่า เมื่อก่อนตนทำงานเป็นพนักงานต้อนรับอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ จ.ชลบุรี จึงรู้จักสนิทสนมกับ น.ส.สุกัญญา อายุ 36 ปี ซึ่งทำงานที่ชลบุรีเหมือนกัน รู้จักกันประมาณ 10 ปี มีอะไรจะพึ่งพาอาศัยกันตลอด แต่เมื่อประมาณ 5 ปีก่อนตนกลับมาทำงานที่ อ.นางรอง น.ส.สุกัญญา เพื่อนคนดังกล่าวโทรศัพท์มาขอให้ตนไปช่วยค้ำประกันรถให้หน่อย ซึ่งด้วยความที่คิดว่าเป็นเพื่อนสนิทไว้ใจกันและตอนนั้นดูเพื่อนมีการงานทำที่มั่นคงค่อนข้างฐานะดี และเพื่อนยังรับปากว่าจะไม่ทำให้เดือดร้อนแน่นอน จึงได้ตอบตกลง
จากนั้นเพื่อนขับรถมารับตนเองที่ อ.นางรองเพื่อไปค้ำประกันซื้อรถยนต์อเนกประสงค์มูลค่ากว่า 1 ล้าน 8 แสนบาทที่ จ.ชลบุรี พอเสร็จเรียบร้อยเพื่อนกลับมาส่งที่ อ.นางรอง แต่จู่ๆ เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2563 มีหมายศาลจังหวัดสีคิ้วส่งมาที่บ้านว่าตนตกเป็นจำเลยที่ 2 กรณีที่ค้ำประกันซื้อรถให้กับเพื่อนและถูกบริษัทฟ้องร้อง พอติดต่อสอบถามไปยังเพื่อนบอกว่าได้คืนรถให้กับบริษัทไปแล้ว แต่ถูกทางบริษัทเรียกเงินส่วนต่างเพิ่มอีกประมาณ 5 หมื่นบาท แต่เพื่อนรับปากว่าไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวจะหาเงินไปจ่ายเอง ด้วยความเชื่อใจเพื่อนอีกจึงไม่ได้ไปติดต่อสอบถามหรือเดินเรื่องอะไรด้วยตัวเอง
กระทั่งล่าสุดวันที่ 18 มกราคม 2564 ได้รับหมายจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง โดยในหมายระบุว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างหรือบ้านที่ตนอาศัยอยู่กับครอบครัวในปัจจุบันหากไม่ไปติดต่อภายใน 15 วัน หรือชำระหนี้ที่ยังค้างอยู่จะทำการยึดขายทอดตลาด ก็ตกใจมาก เพราะบ้านหลังดังกล่าวตนสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจากที่ไปทำงานแล้วส่งเงินมาให้พ่อแม่ที่บ้านแถมยังมีภาระเลี้ยงลูกอีก 3 คน ส่วนแม่ป่วยเป็นเนื้องอกที่ปากเพิ่งจะผ่าตัดและต้องรักษาต่อเนื่อง ส่วนพ่อพิการทางสมองมีอาการหลงๆ ลืมๆ แต่ทุกวันนี้มีรายได้เพียงจากการขายของชำวันละ 100-200 บาทเท่านั้น เพราะไม่สามารถไปทำงานต่างจังหวัดหรือหารายได้เสริมจากการทำบายศรีได้เหมือนเดิม
ที่ผ่านมาพยายามติดต่อเพื่อนที่ไปค้ำประกันรถให้ก็ติดต่อไม่ได้ปิดมือถือบล็อกเฟซบุ๊กหนี ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้ติดต่อไปทางบริษัทเพื่อขอผ่อนชำระเงินที่เพื่อนค้างกว่า 5 หมื่นเพราะไม่อยากถูกยึดที่ดินและบ้าน ซึ่งทางบริษัทให้โอกาสผ่อนชำระไม่เกินเดือน มิ.ย. 2564 นี้ หากหาเงินมาชำระให้ไม่ครบตามกำหนดจะถูกยึดบ้านขายทอดตลอด ก็ไม่รู้จะพาลูกทั้ง 3 คน แม่ที่กำลังป่วย และพ่อพิการไปอยู่ที่ไหน
อยากฝากถึง น.ส.สุกัญญา เพื่อนที่ตนไปค้ำรถให้หากยังมีสำนึกและสงสารตนกับครอบครัวให้มารับผิดชอบชำระเงินที่ค้างอยู่ด้วย เพราะตอนนี้ทุกข์ใจมากหากเพื่อนไม่ติดต่อมาไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปจ่ายทั้งที่ไม่ใช่ภาระของตนเองด้วยซ้ำ แต่หากผู้รู้กฎหมายหรือใครที่สงสารจะแนะนำหาทางออกให้ จะขอบคุณมากเพราะตอนนี้ไร้หนทางจริงๆ ยิ่งช่วงโควิดแบบนี้หากินก็ลำบากอยู่แล้ว