นครพนม - เหยื่อภิกษุณีลวงโลก ตั้งผ้าป่าแชร์ลูกโซ่ตุ๋น ทยอยแจ้งความต่อเนื่อง เฉพาะ อ.ท่าอุเทนเกือบ 200 ราย รวมมูลค่าเสียหายเกือบ 10 ล้านบาท บางรายสูญเงินหลายแสน ยอมรับเพราะความโลภ ผกก.สภ.ท่าอุเทนเผยกลโกงไม่ต่างจากแชร์ลูกโซ่ ให้ผลตอบแทนเป็นเงินและทองคำ
วันนี้ (28 เม.ย.) ที่ สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ยังมีประชาชนผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อภิกษุณีเก๊ลวงโลก เจ้าสำนักลัทธิห่มแดง คือ นางสาวอิสรีย์ หรือพระยาธรรมมิกราช อินทร์ไชยา หรือแม่ชีอู๋ อายุ 49 ปี ซึ่งตั้งตนเป็นภิกษุณีเจ้าสำนัก อาศัยอยู่ภายในสำนักปฏิบัติธรรม วิปัสสนาพระพุทธสิกขี ตั้งอยู่เลขที่ 210 หมู่ 1 บ้านดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม โดยตำรวจนำหมายศาลเข้าจับกุม ฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา
พร้อมจับกุมแม่ชีนายหน้าที่หาลูกค้าอีก 2 คน หลังมีประชาชนบางรายในพื้นที่ อ.เมือง อ.ปลาปาก และ อ.ท่าอุเทน ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกให้ซื้อกองทุนผ้าป่าแบบคืนกำไร จนสูญเงินไปหลายแสนบาท ทำให้ชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อทราบข่าวเดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม รวมถึง สภ.ท่าอุเทน อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะพื้นที่ สภ.ท่าอุเทนอำเภอเดียวมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อเกือบ 200 ราย รวมมูลค่าเป็นเงินเกือบ 10 ล้านบาท บางรายสูญเงินตั้งแต่ 3,000-200,000 บาท ซึ่งตำรวจได้เร่งสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ฐานความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนต่างกรรมต่างวาระ ส่วนภิกษุณีเก๊ลวงโลกจะมีการสอบสวน และนำตัวไปเสนออนุมัติศาลจังหวัดนครพนม ขอฝากขังในวันนี้
ด้าน นางสาวกชกร วงศ์สุวรรณ อายุ 46 ปี ชาว ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ยอมรับว่าตกเป็นเหยื่อเพราะความโลภ อยากได้ผลกำไรตอบแทน โดยเริ่มต้นจากมีแม่ชี นางสาวไพลิน สุนทรสุวรรณ อายุ 31 ปี หรือแม่ชีการ์ตูน ชาว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม มาเป็นนายหน้าชักชวนให้ซื้อกองทุนผ้าป่าช่วยเหลือคนจน ซึ่งมีเงื่อนไข 2 รูปแบบ คือ ผ้าป่ากองเงิน จะซื้อในราคากองละ 2,000 บาท จะได้ผลตอบแทนเป็นเงิน 4,000 บาท ส่วนผ้าป่าทองคำ จะซื้อเป็นเงินสดราคากองละประมาณ 3,500 บาท จะได้ผลตอบแทนเป็นสร้อยคอทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 1 สลึง
ตนจึงเลือกซื้อเป็นผ้าป่าทองคำ เริ่มต้นจากประมาณ 2-3 กอง ภายหลังซื้อ 5-7 วัน จะได้ทองคำจริง นำมาขายได้กำไร กองละประมาณ 3,000 บาท จึงหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ เพราะได้จริงในช่วงแรก จากนั้นจึงซื้อเพิ่มรวมทั้งหมด 30 กอง รวมเป็นเงินแสนกว่าบาท สุดท้ายผ่านไปหลายเดือน ยังไม่ได้ทองคำ จึงไปติดตามที่วัด และรู้ว่าถูกหลอกแน่นอน
อีกทั้งยังมีเพื่อนบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียงถูกหลอกอีกกว่า 100 รายในลักษณะเดียวกัน พอทราบข่าวมีการจับกุมผู้ต้องหาจึงมาแจ้งความเพราะต้องการอยากได้เงินคืน ยอมรับว่าลงทุนไปเพราะอยากได้เงินมาใช้จ่าย จึงนำเงินที่ทำสวนยาง รวมถึงเก็บไว้ใช้จ่ายไปลงทุน สุดท้ายสูญเปล่า ไม่แน่ใจว่าจะได้เงินคืน ถือเป็นบทเรียนราคาแพง
ด้าน พ.ต.อ.แสวง คนคล่อง ผกก.สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยว่า ได้ตั้งทีมพนักงานสอบสวนไว้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดือดร้อน กรณีถูกหลอกซื้อกองทุนผ้าป่าให้รีบมาแจ้งความ เพื่อพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดผู้ต้องหา และหาทางดูแลช่วยเหลือตามกฎหมาย ซึ่งในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พบว่ามีผู้เสียหายเกือบ 200 ราย ที่ถูกหลอกกำลังทยอยเข้ามาแจ้งความต่อตำรวจ
ส่วนรูปแบบกลโกงไม่ต่างจากแชร์ลูกโซ่ หลอกให้ชาวบ้านซื้อกองทุน อ้างว่าเป็นผ้าป่าช่วยคนจน แต่มีผลตอบแทนคืน แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ กองทุนรับผลตอบแทนแบบเงินสด จะมีราคาที่ 2,000 บาท กับ กองทุนตอบแทนเป็นทองคำ 1 สลึง จะซื้อในกองละ 3,500 บาท จะเริ่มจากคืนผลตอบแทนจริงในช่วงแรก และชักชวนให้ทำเพิ่มในยอดเงินจำนวนหลักแสน แล้วเงียบหายไป ถือเป็นความผิดฉ้อโกงประชาชน จะต้องมีการดำเนินคดีเป็นรายบุคคล ต่างกรรมต่างวาระ
ส่วนความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ และโทษสูงสุดจำคุก 2 ปี ในผู้เสียหาย 1 ราย หากมีหลายรายจะเพิ่มโทษตามความผิดที่เกิดขึ้น เพราะเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ