นครพนม - เผาแล้ว หนุ่มวัย 45 ปีสังเวยโควิดรายแรกของนครพนม สาเหตุมีโรคประจำตัว แทรกซ้อนหลายโรค ขณะที่ผู้ป่วยรายใหม่ล่าสุดเพิ่มอีก 7 ราย ทำยอดสะสมทะยาน 73 ราย 1 ใน 7 รายเป็นคลัสเตอร์ของสถานบันเทิง ส่วนที่เหลือมี 3 รายป่วยทั้งครอบครัวเป็นพ่อแม่ลูกเดินทางมาจากกรุงเทพฯ อีก 2 รายเป็นแม่ลูกอ่อนที่ติดเชื้อจากเพื่อนของพี่สาว และ 1 รายเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง
วันนี้ (24 เม.ย.) เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สสจ.นครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อฯ พร้อมด้วย นพ.มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ นพ.สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผอ.รพ.นครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.นครพนม ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covic-19) ที่ปัจจุบันยังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยในพื้นที่จังหวัดนครพนมมีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตเป็นรายแรกแล้ว เป็นเพศชายอายุ 45 ปี มีโรคประจำตัวหลายโรค
นายไกรสรเปิดเผยว่า ผลจากการตรวจค้นหาเชิงรุก และคัดกรองการเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง นโยบายจังหวัดคือจะไม่รอผู้ป่วยแสดงอาการมาพบหมอ ถึงเวลานั้นมีการแพร่กระจายไปไหนบ้าง ล่าสุดค้นหาพบเพิ่มอีก 7 ราย รวมยอดสะสม ณ ปัจจุบัน 73 ราย 1 ใน 7 รายเป็นคลัสเตอร์ของสถานบันเทิง ส่วนที่เหลือมี 3 รายป่วยทั้งครอบครัวเป็นพ่อแม่ลูกเดินทางมาจากกรุงเทพฯ อีก 2 รายเป็นแม่ลูกอ่อนที่ติดเชื้อจากเพื่อนของพี่สาว และ 1 รายเดินทางไปจังหวัดพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้ รายละเอียดจะให้ทางแพทย์เป็นผู้ชี้แจง
นพ.มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์ สสจ.ฯ กล่าวว่า ในรายของผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีโรคประจำตัวหลายโรค ส่วนยอดสะสมในจำนวน 73 ราย หลักๆ ยังคงเป็นคลัสเตอร์สถานบันเทิงในจังหวัดฯ จำนวน 36 ราย คลัสเตอร์สาวคริสตัสคลับย่านทองหล่อ กทม. 6 ราย และคลัสเตอร์จิวเวลรีที่นั่งรถอัดปลากระป๋องกันมา 11 คน พบติดเชื้อโควิด 7 ราย ส่วนที่เหลือ 4 รายผลตรวจครั้งที่สองยืนยันเป็นลบ ส่วนเคสปทุมธานีที่ผู้ใหญ่บ้านไปอบรมแล้วติดเชื้อรวม 4 รายเท่านั้น
สำหรับ 7 รายล่าสุดมีเคสสถานบันเทิงพบเพิ่ม 1 ราย เพศหญิง (รายที่ 72) อายุ 25 ปี ที่เข้าไปเที่ยว ส่วนในรายที่ 67 เพศหญิง อายุ 31 ปี และรายที่ 68 เป็นเด็กชายวัย 6 เดือน ทั้งคู่มีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน โดยมีไทม์ไลน์ว่าได้รับเชื้อจากพี่สาวที่มีเพื่อนเดินทางมาจากจังหวัดเสี่ยงสูง คือ ชลบุรี และสมุทรปราการ มีการร่วมรับประทานอาหารจึงเข้าร่วมวงด้วย ส่วนเพื่อนหลังเดินทางกลับภูมิลำเนาก็ไปตรวจพบเชื้อโควิดอยู่ที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด ในเคสนี้มีแพทย์ประจำคลินิกเอกชนอย่างน้อย 2 แห่ง และบุคลากรสาธารณสุขเป็นผู้เสี่ยงสัมผัสสูงรวม 10 กว่าคน เกิดจากการปกปิดข้อเท็จจริง ขณะนี้อยู่ในระหว่างกักตัวที่บ้าน 14 วัน
ในรายที่ 69 เป็นชายชาวจีนอายุ 62 ปี รายที่ 70 เป็นภรรยาอายุ 31 ปี และรายที่ 71 คือลูกสาววัย 2 ขวบ มีไทม์ไลน์ระหว่างที่พักอยู่ในแฟลตชายชาวจีนมีอาการไข้อยู่ก่อนแล้วเพราะในแฟลตนั้นพบผู้ป่วยโควิดหลายราย คิดว่าตนเองน่าจะติดเชื้อโควิดแต่หากรักษาอยู่ที่กรุงเทพฯ เตียงคนไข้อาจจะไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย จึงพาครอบครัวพ่อแม่ลูกมาที่บ้านภรรยาในอำเภอวังยาง เมื่อเดินทางมาถึงก็เข้าขอรับการตรวจหาพบว่าติดเชื้อทั้งสามคน และรายที่ 73 เป็นเพศหญิงอายุ 49 ปี มีประวัติว่าได้ไปรวมญาติอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด จากนั้นก็ไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่ญาติต่อที่จังหวัดระยอง กระทั่งกลับถึงบ้านมีอาการไข้จึงเข้ารับการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดดังกล่าว
ด้าน นพ.สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผอ.รพ.นครพนม ได้เปิดเผยรายละเอียดการรักษาของผู้ป่วยโควิดอายุ 45 ปีที่เสียชีวิตว่า ประมาณ 20 กว่าปีผู้ป่วยมีประวัติผ่าตัดสมอง และเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาเคยเจาะปอด ประกอบกับตัวเองร่างกายอ้วนบวกกับมีโรคประจำตัว ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง เริ่มมีอาการผิดปกติวันที่ 15 เมษายนฯ เนื่องจากตนเองไปเที่ยวในสถานบันเทิงที่เป็นคลัสเตอร์แพร่เชื้อในจังหวัดติดต่อกัน 3 วัน และได้ตรวจเจอเชื้อโควิด วันที่ 17 เมษายนเอกซเรย์พบมีปอดบวมแพทย์ให้ยาต้านไวรัส วันที่ 19 เมษายนเหนื่อยหอบหายใจลำบาก แพทย์นำเข้าห้อง ICU วันที่ 20 เมษายนผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติ
จึงเชิญญาติเข้ามาพบแจ้งว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตค่อนข้างสูง วันที่ 21-22 เมษายนมีอาการไตวายและความดันลดลง วันที่ 23 เมษายนมีน้ำท่วมปอดแทรกซ้อนเพิ่มอีกและหัวใจหยุดเต้น โดยทางแพทย์ได้จัดการศพของผู้ตายตามมาตรการป้องกันโควิด มอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาแต่ห้ามเปิดถุงซิปที่บรรจุศพโดยเด็ดขาด
สำหรับบรรยากาศพิธีฌาปนกิจศพ ญาติได้นำร่างของผู้เสียชีวิตรายแรกของจังหวัดนครพนมไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองนครพนม มีเพื่อนมาร่วมพิธีประมาณ 20 คน จากนั้นรถกู้ชีพ รพ.นครพนมได้เคลื่อนร่างผู้ตายที่บรรจุใส่ในโลงนำเข้าเตาเผาโดยทันที โดยมีเจ้าหน้าที่ฉีดยาฆ่าเชื้อตลอดเวลา