บุรีรัมย์ - “หลวงปู่องค์ดำ” อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ล่องหนหลังหลายหน่วยงานตรวจสอบหนัก ผงะเจอจีวร ตาลปัตร อุปกรณ์ทำเครื่องรางของขลังและสักยันต์เกลื่อนกระท่อมป่าหลังที่พักสงฆ์ ด้าน ผญบ.ยันไม่เสื่อมศรัทธา ชี้ที่ตั้งสำนักเป็นของชาวบ้านเสียภาษีดอกหญ้าถูกต้อง มอบให้สร้างที่พักสงฆ์ไม่ได้บุกรุกที่ป่า
วันนี้ (21 เม.ย.) ความคืบหน้ากรณีที่ชายอ้างตัวเป็นหลวงปู่พุทธะเทพสุริยะจักรวาล หรือหลวงปู่องค์ดำ ที่นุ่งห่มผ้าคล้ายจีวรเหมือนพระแต่เป็นสีดำ อยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมหรือที่พักสงฆ์หินเพิง ตั้งอยู่บนบริเวณป่าท้ายหมู่บ้านเขาย้อยพัฒนา ม.16 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ หลังจากมีหญิงสาวชาวจังหวัดชัยภูมิเข้าแจ้งความในพื้นที่ชัยภูมิว่า มารดาซึ่งมีอาชีพเป็นครูหนีมาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว เกรงว่าแม่จะถูกหลอกเพราะเงินเดือนแม่เกือบ 1 แสนบาทไม่เหลือ ถึงขั้นสร้างสำนักไว้หลังบ้านที่ จ.ชัยภูมิ ด้วย จนนำไปสู่การตรวจสอบว่าหลวงปู่พุทธะ หรือหลวงปู่องค์ดำ เชื่อมโยงกับลัทธิใดหรือมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ และพื้นที่ที่ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมหรือที่พักสงฆ์ดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่พักสงฆ์หรือสำนักปฏิบัติธรรมหินเพิง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับหลวงปู่องค์ดำอีกครั้ง แต่ไม่พบหลวงปู่องค์ดำอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว มีเพียงลูกศิษย์คนที่ดูแลสำนักปฏิบัติธรรม และป้าที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่เสียภาษี ภ.บ.ท.5 บริเวณดังกล่าวประมาณ 12 ไร่และได้มอบถวายที่ดินให้สร้างที่พักสงฆ์ดังกล่าวเท่านั้น ซึ่งจากการสอบถามลูกศิษย์คนสนิทบอกเพียงว่าหลวงปู่ได้บอกจะไปธุดงค์ในป่าจากนั้นไม่มีใครเห็นหลวงปู่อีก ไม่มีใครรู้ว่าหลวงปู่จะกลับมาตอนไหน ซึ่งผู้สื่อข่าวรอดูจนถึงค่ำแต่ยังไม่เจอหลวงปู่
จากนั้น นายบุญมี กลมมารี ผู้ใหญ่บ้าน ได้เดินทางมายังสำนักปฏิบัติธรรมหินเพิง บอกว่า ตนเพิ่งกลับจากขายมันสำปะหลังไม่ได้เข้ามาที่พักสงฆ์ตั้งแต่เช้าแล้ว จึงไม่รู้ว่าหลวงปู่องค์ดำหายไปไหน แต่จากการสอบถามลูกศิษย์บอกว่าท่านไปธุดงค์ในป่าแต่ไม่รู้ว่ากลับมาตอนไหน จากนั้นได้พาผู้สื่อข่าวไปเดินดูบริเวณที่พักหรือกุฏิของหลวงปู่องค์ดำ ไม่เห็นหลวงปู่ จากนั้นจึงพาเดินไปดูที่บริเวณกระท่อมในป่าด้านหลังที่พักสงฆ์ ไม่เห็นมีใครแต่ในกระท่อมดังกล่าวมีเต็นท์อยู่ 1 หลัง ในเต็นท์จะมีขวดน้ำเปล่า น้ำหวาน และผ้าสำหรับห่ม แต่พอตรวจสอบโดยรอบต้องผงะเมื่อเจอจีวรพระ ตาลปัตร อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับทำเครื่องรางของขลัง และสักยันต์ ซ่อนตามจุดต่างๆ ในกระท่อม ไม่ทราบว่าเป็นของใครเพราะหลวงปู่องค์ดำปฏิเสธตลอดว่าไม่ใช่พระ แต่เป็นตัวแทนขององค์เทพสุริยะจักรวาล ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบดูว่าเข้าข่ายความผิดอะไรหรือไม่
ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า หลวงปู่องค์ดำได้มาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าวประมาณ 3 ปีกว่าแล้ว แต่ตนเพิ่งรู้จักได้ประมาณปีเศษเพราะมีลูกศิษย์ชักชวนมา จนเกิดความศรัทธา ส่วนกระแสข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ตนเองเสื่อมความศรัทธาจากหลวงปู่องค์ดำ เพราะเท่าที่ตนได้เห็นหลวงปู่ก็สอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดี ทำในสิ่งที่ดี ไม่เคยเห็นรับเงินหรือขอบริจาคจากใคร ส่วนที่ดินที่สร้างที่พักสงฆ์หินเพิงดังกล่าวเป็นที่ของชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้าน ที่ได้รับจัดสรรและมีการเสียภาษี ภ.บ.ท.5 หรือภาษีดอกหญ้าให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ มอบถวายให้ก่อสร้างที่พักสงฆ์ ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน
อย่างไรก็ตาม หากมีหลักฐานว่าหลวงปู่องค์ดำกระทำผิด ทั้งเรื่องการหลวงลวงหรือที่ดินที่กำลังถูกตรวจ ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน ซึ่งท่านก็เคยบอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด