ลำปาง - อุทาหรณ์ซ้ำซาก..สายสื่อสารห้อยระโยงระยาง พ่อเฒ่าชาวลำปางวัย 84 ขี่ จยย.ออกบ้านไปทำธุระมองไม่เห็น รถเกี่ยวสายที่โดนลมพัดขวางถนนบ้านเกาะคาจนล้มไถลไปกับพื้นถนน ได้รับบาดเจ็บต้องเย็บ 28 เข็ม
หลังเกิดเหตุพ่อเฒ่าวัย 84 ปีขับขี่รถจักรยานยนต์เกี่ยวสายสื่อสายที่ห้อยขวางถนนบ้านเกาะคา หมู่ที่ 5 ต.เกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง จนได้รับบาดเจ็บต้องเย็บถึง 28 เข็ม ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจ พบที่เกิดเหตุเป็นถนนทางโค้ง มีสายสื่อสารต่างๆ ถูกมัดรวมกันระโยงระยางบนอากาศ และมีการเก็บสายที่ขาดมองเห็นเส้นลวดนำมามัดเป็นกระจุก รวม 3 จุด บางจุดมีความสูงจากถนนประมาณ 4 เมตร
นางเสาวลักษณ์ เทพี อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 06.30 น.ของวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา บิดาคือ นายมนัส เทพวาล อายุ 84 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 บ้านหัวแต ต.เกาะคา อ.เกาะคา จ.ลำปาง ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปทำธุระ ขณะกำลังขี่รถผ่านที่เกิดเหตุมองไม่เห็นสายสื่อสารที่ห้อยลงมาขวางถนน ทำให้กระจกมองข้างของรถจักรยานยนต์เกี่ยวเข้ากับสายสื่อสารจนรถล้มไถลไปกับถนนและได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่ง และที่บริเวณนิ้วชี้ นิ้วนางด้านขวามีแผลเปิด เนื้อฉีกขาด
ขณะเกิดเหตุไม่มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ พ่อได้ขี่รถกลับบ้านซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กม. ก่อนที่ลูกเขยจะรีบนำตัวส่ง รพ.เกาะคา หมอต้องเย็บแผลถึง 28 เข็ม และอนุญาตให้กลับบ้าน หลังจากเกิดเหตุแล้วก็ต้องพาพ่อไปล้างแผลทำความสะอาดที่โรงพยาบาลทุกๆ วัน โดยใช้สิทธิ์ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถในการรักษา และจนถึงวันนี้ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสายสื่อสารเจ้าปัญหาดังกล่าวมาแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด
ด้านนางจินตนา จีปวน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 บ้านเกาะคา ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า รอบ 2 เดือนที่ผ่านมาเกิดเหตุชาวบ้านขี่รถ จยย.เกี่ยวกับสายสื่อสารที่ถูกแรงลมพัดจนห้อยลงมาขวางถนนบริเวณดังกล่าวจนรถล้มได้รับบาดเจ็บไปแล้ว 3 ราย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 หลังจากเกิดเหตุก็ได้ประสานหน่วยงานราชการอย่างการไฟฟ้าฯ เทศบาลเกาะคา เจ้าหน้าที่ได้แก้ปัญหาโดยการเก็บสายต่างๆ มัดรวมกันไว้บริเวณเดิม
แต่อยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของสายสื่อสารที่แท้จริงเร่งมาดำเนินการแก้ไข เนื่องจากถนนสายนี้เป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อกับหลายหมู่บ้าน มีประชาชนต้องใช้สัญจรกันเป็นจำนวนมาก ยิ่งในช่วงกลางคืนจะอันตรายมาก ซึ่งไม่อยากให้ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บไปมากกว่านี้ เพราะหากเกิดเหตุรุนแรงก็อาจจะมีผู้เสียชีวิตได้ หลังเกิดเหตุตนก็ได้แจ้งเทศบาลตำบลเกาะคา ทราบว่าได้เร่งทำหนังสือประสานไปยังผู้ประกอบการด้านการสื่อสารทุกๆ ค่าย เพื่อที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาในระยะยาวกันต่อไปแล้ว