xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่เดือด! แจ้งความเกรียนคีย์บอร์ดโพสต์มั่วหาว่าติดโควิด-19 และมียอดป่วยกว่า 6,000 รายทำคนแตกตื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่เดือด! ส่งนิติกรขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีเกรียนคีย์บอร์ดโพสต์มั่วหาว่าติดโควิด-19 และบิดเบือนสถานการณ์ว่ามียอดผู้ป่วยกว่า 6,000 ราย ทำเกิดความสับสนแตกตื่นหนัก ลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด


บ่ายวันนี้ (13 เม.ย. 64) นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบอำนาจให้ น.ส.จริญญา พรหมมา นิติกรปฏิบัติการ กลุ่มงานอำนวยการ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดบิดเบือนข้อเท็จจริง ก่อให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกแก่ประชาชน ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จากกรณีการแชร์คลิปวิดีโอความยาว 12 วินาที เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2564 ผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE และช่องทางออนไลน์อื่น โดยเป็นการตัดต่อคลิปวิดีโอการแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังการเข้าตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนาม ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่


โดยมีข้อความช่วงหนึ่งระบุว่า “...น่าจะมีคนที่ติดเชื้อโดยการประเมินน่าจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 6,000 คน...” นั้น เป็นการตัดต่อจากคำแถลงฉบับเต็มที่ได้มีการกล่าวชี้แจงในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์แล้วว่าเป็นเพียงผู้ที่มีความเสี่ยงจากการสัมผัสผู้ป่วยเท่านั้น ซึ่งการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่มีรายละเอียดของเนื้อหาที่ไม่ครบถ้วน ย่อมทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและตื่นตระหนกได้ อีกทั้งเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 20.00 น. ได้ปรากฏกรณีการโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กกลุ่ม “จังหวัดเชียงใหม่” โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Nuclaers Atom ความว่า “ผู้ว่าเจียงใหม่ติดเชื้อ Covid-19 ต้องรับวัคซีนด่วน” และมีประชาชนทั่วไปเข้ามาแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าว อีกทั้งมีผู้ใช้เฟซบุ๊คบางรายได้แชร์โพสต์ดังกล่าวไปยังหน้าเฟซบุ๊กของตนเอง


ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ การนำเสนอและส่งต่อข้อมูลที่มีเนื้อหาเป็นเท็จและบิดเบือนข้อเท็จจริงในลักษณะดังกล่าวสู่สาธารณชน ย่อมทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและตื่นตระหนก เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 14 (2) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อีกทั้งยังเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ซึ่งได้กระทำลงด้วยการเผยแพร่ข้อความลงในแอปพลิเคชัน LINE กลุ่มเฟซบุ๊กสาธารณะ ตลอดจนสื่อสังคมออนไลน์อื่น อันเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามนัยมาตรา 326 ประกอบมาตรา 328 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ตลอดจนความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังจากนี้จะได้นำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น