ศูนย์ข่าวศรีราชา - เอาจริงแล้วนะ! ตร.สภ.ดอนหัวฬ่อ จ.ชลบุรี นำรถยกขน จยย.ที่จอดริมถนนภายในซอยด้านข้าง อบต.นาป่าเก่า เป็นแนวยาวกว่า 60 คัน สร้างความเดือดร้อนผู้สัญจรไปเก็บโรงพักเพื่อทำการเปรียบเทียบปรับ หลังติดป้ายเตือนแต่ไม่มีใครฟัง ชาวบ้านบอกรถหายประจำทำ ตร.เดือดร้อน
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “นะ คนกู้ภัย” ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ข้าง อบต.นาป่าเก่า รถยกมายกไปหมดเเล้ว ให้ไปตามเอาที่ สภ.ดอนหัวฬ่อ นะครับ เนื่องจากไปจอดรถในที่ห้ามจอด พร้อมภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถยกขนจักรยานยนต์ที่จอดเป็นแนวยาวกว่า 60 คันทำให้การสัญจรภายในซอยเป็นไปอย่างยากลำบาก
และเมื่อภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ในออนไลน์ปรากฏว่ามีผู้คนเข้ามากดไลก์ กดแชร์ และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเปรียบเทียบปรับ สภ.ดอนหัวฬ่อ จ.ชลบุรี ว่า สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้เป็นเพราะภายในซอยด้านข้างสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลนาป่าเก่า เป็นถนนรถวิ่งสวนกันซึ่งเมื่อชาวบ้านนำรถจักรยานยนต์มาจอดเรียงรายจำนวนมากย่อมส่งผลต่อสภาพถนนและการสัญจร ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำป้ายห้ามจอดไปติดไว้ที่แนวกำแพงอย่างชัดเจน แต่กลับไม่มีใครเชื่อฟัง
โดยรถจักรยานยนต์ทั้งหมดที่ถูกยกจากริมถนนภายในซอยด้านข้างสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลนาป่าเก่า ได้ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในสถานที่เก็บของกลาง สภ.ดอนหัวฬ่อ และหากเจ้าของรถจะมาติดต่อขอรับคืนต้องเสียค่าปรับ จำนวน 200 บาท และให้นำเอกสารแสดงตัวเป็นเจ้าของรถมาแสดงด้วย
ขณะที่ น.ส.เมธาวี สืบสอน อายุ 24 ปี พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งเดินทางมาติดต่อขอรับรถจักรยานยนต์คืน เผยว่า ทุกเช้าตนเองจะนำรถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณดังกล่าวเพื่อขึ้นรถรับส่งของโรงงานไปทำงาน พร้อมยอมรับว่าเห็นป้ายห้ามจอดที่ตำรวจนำมาติดไว้ แต่เนื่องจากไม่มีสถานที่สำหรับจอดรถจึงต้องจอดตามคนอื่นๆ ที่พากันจอดเป็นแนวยาวหลายสิบคัน
“เพราะคิดว่าไม่น่าจะไม่มีอะไร แต่พอตนเห็นในเฟซบุ๊กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมายกรถที่จอดตลอดแนวถนนออกไปแล้วรีบนำหลักฐานมาติดต่อขอรับรถคืนพร้อมจ่ายค่าปรับเป็นเงินจำนวน 200 บาท และจ่ายค่าเก็บรถอีก 200 บาท อีกทั้งยังขอวอนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยจัดทำที่จอดรถเพื่อช่วยให้พนักงานโรงงานได้มีที่จอดรถก่อนไปทำงานด้วย” น.ส.เมธาวี กล่าว
ด้าน นางเยื้อน อายุ 57 ปี ชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดที่มีการนำรถจักรยานยนต์มาจอดเป็นแนวยาว เผยว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งและติดป้ายห้ามจอดรถไว้นานแล้ว แต่ไม่มีใครฟัง และไม่มีใครสนใจป้ายที่ตำรวจติดไว้
ที่สำคัญบริเวณดังกล่าวมักมีรถจักรยานยนต์หายอยู่บ่อยครั้ง เพราะคนร้ายจะอาศัยจังหวะที่เจ้าของรถจอดทิ้งไว้ทำทีขับรถกระบะเข้ามาดูแล้วบอกว่ากุญแจหายก่อนจะยกรถจักรยานยนต์ที่เลือกไว้ออก โดยไม่มีใครรู้ว่าเป็นเจ้าของรถจริงหรือไม่
“พอตำรวจได้รับแจ้งรถหายอยู่บ่อยๆ ก็นำป้ายประกาศมาติดไว้แต่สุดท้ายเมื่อไม่มีใครสนใจเลยเอารถยกมายกไปเก็บไว้ที่ สภ.เพื่อให้รู้ว่าตำรวจเอาจริง” นางเยื้อน กล่าว