บุรีรัมย์ - เกษตรกร อ.ปะคำ บุรีรัมย์ ร่วม 100 รายเดือดร้อนหนักถูกเบี้ยวเงินขายข้าวโพดหวานกว่า 5 ล้านนานร่วมปี นายหน้าอ้างบริษัทยังไม่จ่าย ทั้งร้องศูนย์ดำรงธรรม แจ้งความตำรวจ แต่เรื่องไม่คืบหน้า วอนช่วยเหลือ ไม่มีเงินใช้จ่ายแถมเป็นหนี้ท่วมหัว
วันนี้ (23 มี.ค.) ตัวแทนเกษตรกรบ้านปลื้มใต้ ม.9 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ได้นำเอกสารหลักฐานออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังได้รับความเดือดร้อนถูกเบี้ยวเงินค่าขายข้าวโพดหวานรายละตั้งแต่ 10,000-250,000 บาท รวมทั้งหมด 99 ราย คิดเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท เป็นเวลานานเกือบ 1 ปีแล้ว พอสอบถาม นายลือชัย (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านที่เป็นนายหน้าติดต่อซื้อขายระหว่างเกษตรกรกับโรงงานที่ จ.กาญจนบุรี แต่นายลือชัย นายหน้าอ้างว่าทางโรงงานยังไม่จ่ายเงินมาให้ แต่เกษตรกรก็ยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยรับเงินตรงจากทางบริษัทเลย ทุกครั้งจะโอนผ่านบัญชีนายลือชัยที่เป็นนายหน้าตลอด
จากกรณีดังกล่าวอยากให้ทางบริษัท และนายลือชัยออกมาชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรติดขัดขั้นตอนไหนถึงไม่จ่ายเงินให้เกษตรกรมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้ว เพราะตอนนี้เกษตรกรทั้ง 99 คนเดือดร้อนมาก ไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว ทั้งยังมีหนี้สินจากการกู้ยืมเงิน ธ.ก.ส. กองทุนหมู่บ้าน และหนี้นอกระบบ เพื่อมาลงทุนปลูกข้าวโพดคนละหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทเพราะหวังว่าจะได้เงินจากการขายข้าวโพดมาใช้จ่ายและชำระหนี้ แต่กลับถูกเบี้ยวต่อเนื่องมาเกือบปี ที่ผ่านมาเคยไปร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ และแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะคำแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร
นายสมบูรณ์ พรมดาว หนึ่งในเกษตรกรผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อก่อนปลูกมันสำปะหลังแต่ประสบปัญหาราคาตกต่ำและโรคระบาด กระทั่งเมื่อปี 2560 นายลือชัย ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านได้มาชักชวนชาวบ้านในหมู่บ้านให้ปลูกข้าวโพดหวาน โดยจะมีบริษัทที่ จ.กาญจนบุรีรับซื้อให้ราคาประกัน 4.50-4.70 บาท หากเกษตรกรรายใดสนใจก็ให้ลงชื่อเข้าร่วมปลูก ซึ่งมีเกษตรกรเข้ามาร่วมปลูก 130 ราย จากนั้นนายลือชัย เอาเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด และปุ๋ยจากบริษัทมาให้เกษตรกรปลูก โดยจะหักค่าเมล็ดพันธุ์และปุ๋ยจากเงินที่ขายข้าวโพดได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับเงินตลอด
แต่พอเดือน ก.ค. 2563 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 8 เดือนแล้วไม่มีใครได้รับเงินอีก พอไปทวงถามนายลือชัยที่เป็นนายหน้าซึ่งทำหน้าที่ติดต่อประสานกับทางบริษัท อ้างว่าทางบริษัทยังไม่จ่ายเงินมา ซึ่งเกษตรกรไม่มั่นใจว่าเป็นความจริงหรือไม่เพราะที่ผ่านมาบริษัทจะโอนเงินเข้าบัญชีนายลือชัย เพื่อมาจ่ายให้เกษตรกร จึงไม่รู้ว่าติดที่ขั้นตอนไหนที่ทำให้เกษตรกรยังไม่ได้รับเงิน อยากให้ทั้งสองออกมาชี้แจงและรับผิดชอบจ่ายเงินค่าข้าวโพดที่ค้างให้เกษตรกรทั้งหมดโดยเร็วด้วยเพราะตอนนี้เดือดร้อนมาก
ด้าน นางวิไล แสนทวีสุข อายุ 46 ปี บอกว่า ที่ตนตัดสินใจหันมาปลูกข้าวโพดหวานเพราะเห็นว่าได้ราคาดีกว่ามันสำปะหลัง และปีหนึ่งก็ปลูกได้ 2-3 รอบ ทั้งมีระยะเวลาเก็บเกี่ยวน้อยกว่ามัน จึงได้กู้เงินมาลงทุน 10 ไร่ แรกๆ ได้เงินตรง แต่พอเดือน ก.ค. 2563 กลับไม่ได้เงิน สอบถามอ้างว่าทางบริษัทยังไม่โอนเงินมาจึงไม่มีเงินมาจ่ายให้ เฉพาะของตนรายเดียวกว่า 120,000 บาท ที่ผ่านมาทั้งร้องเรียน แจ้งความแต่เรื่องก็ยังไม่คืบหน้า จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยด้วย