บุรีรัมย์ - เปิดใจป้าวัย 61 ชาวชำนิ จ.บุรีรัมย์ ถูกลูกสาวแท้ๆ ทุบตีต่อหน้าหลานวัย 7 ขวบ เผยลูกสาวติดเหล้าหนักจนคุมสติไม่ได้ชอบหาเรื่องและทำร้ายร่างกายนับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งถูกตีจนศีรษะบวมถูกหามส่ง รพ. เคยแจ้งความแต่ ตร.ให้ไกล่เกลี่ยบอกเป็นเรื่องในครอบครัว วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพาไปบำบัด ผวาปล่อยไว้อาจต้องตายคามือลูกสาว
วันนี้ (10 มี.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่มีการแชร์คลิปวิดีโอที่น่าหดหู่ใจ ลูกสาวแท้ๆ ทุบตีทำร้ายแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองต่อหน้าเด็กหญิงวัย 7 ขวบ ซึ่งเป็นหลานของคนที่ถูกทำร้ายและเป็นลูกของคนก่อเหตุเอง สร้างความสะเทือนใจแก่สังคมและชาวโซเชียลมีเดียที่ได้เห็นภาพดังกล่าวเป็นอย่างมาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุที่หมู่บ้านหนองตะเคียน ต.ชำนิ อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ได้พบกับนางพรทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นแม่ที่ถูกลูกสาวทำร้ายร่างกาย เล่าให้ฟังด้วยความช้ำใจว่า เมื่อก่อนลูกสาวทำงานที่พัทยา จ.ชลบุรี และมีสามีเป็นชาวต่างชาติ พอช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลูกสาวก็พาสามีกลับมาอยู่กับตนที่บ้านได้ประมาณ 1 ปี แต่ปัจจุบันสามีของลูกสาวได้กลับประเทศไปแล้ว ซึ่งช่วงที่ลูกสาวกลับมาอยู่บ้านด้วยก็ดื่มเหล้าเกือบทุกวัน พอเวลาเมาจะชอบมาระบายอารมณ์กับตนและหลานเป็นประจำ ตนก็พยายามหลบเลี่ยงตลอด และจะหันไประบายอารมณ์ดุด่าลูกสาวตัวเองอายุ 7 ขวบ และ 8 ขวบ ตนสงสารหลานก็จะเข้าไปห้ามบอกให้หยุดก็พาลไม่พอใจหันมาตบตีทำร้ายตน ซึ่งเวลาเมาจะเป็นแบบนี้ตลอด
บางครั้งทุบตีรุนแรงจับศีรษะโขกพื้นจนสมองบวม ญาติพี่น้องต้องพาส่งโรงพยาบาลนอนรักษาอยู่หลายวัน ที่ผ่านมาเคยไปแจ้งตำรวจแต่ตำรวจบอกเป็นเรื่องในครอบครัวให้ไกล่เกลี่ยกัน ตนไม่รู้จะทำอย่างไรต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้มานานนับปีแล้ว บางครั้งต้องพาหลานไปขอนอนบ้านญาติเพราะกลัวจะถูกทำร้ายอีก
นางพรทิพย์บอกอีกว่า เวลาไม่เมาลูกก็ปกติไม่มีเรื่องอะไร แต่พอดื่มหล้าทีไรก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทุกข์ทรมานทั้งใจทั้งกาย จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือพาลูกสาวไปบำบัดรักษาให้หายจากอาการติดเหล้า เพราะหากปล่อยไว้ตนอาจจะถูกทำร้ายรุนแรงกว่านี้อาจถึงแก่ชีวิตก็ได้
ส่วน น.ส.หมิง อายุ 36 ปี ลูกสาวที่ทำร้ายแม่ วันนี้อยู่ที่บ้านแต่ไม่มีอาการมึนเมา แต่พอผู้สื่อข่าวขอสัมภาษณ์กลับบอกว่าไม่ขอพูดอะไร ให้ไปถามจากแม่เองเลย และพยายามเดินหนี