พิษณุโลก - รอง ผบช.ภาค 6 พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจจุดเกิดเหตุ “ไอ้แม้ว ม.6” ฆ่าเช้า-บ่ายเผานั่งยางแฟนสาวกลางสวนยางในป่าวังทอง เผยสอบพยานแวดล้อมเบื้องต้นเชื่อลงมือคนเดียว แบกร่างผู้ตายลงรถเผาในห้วย ก่อนสำนึกผิด
วันนี้ (10 มี.ค. 64) พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวราลักษณ์ รอง ผบช.ภ.6 พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบเถ้ากระดูก น.ส.จุฑารัตน์ หรือปอ กองแก้ว อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131/1 หมู่ที่ 15 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ที่ถูกผู้ต้องหาคือ นายแม้ว แฟนหนุ่มวัย 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.วังทอง ลงมือฆ่าบีบคอแล้วนำร่างใส่รถกระบะไปฆ่าเผานั่งยางภายในสวนยางพารากลางป่าลึก พื้นที่หมู่ 11 บ้านม่วงหอม ต.บ้านกลาง อ.วังทอง
รอง ผบช.ภาค 6 เปิดเผยหลังจากเดินเท้าจากจุดที่ผู้ต้องหาจอดรถเข้าไปกลางลำห้วยซึ่งแห้งสนิทที่เป็นจุดเผาร่างผู้เสียชีวิตด้วยยางรถยนต์จำนวน 3 เส้นจนเหลือเพียงเศษกระดูก ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 30 ก้าว พบว่ายังคงมีรอยไหม้อยู่ ซึ่งผู้ต้องหาน่าจะเคยเดินทางมาสถานที่แห่งนี้แล้วน่าจะมีความชำนาญในเส้นทาง มีความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องหาจะนำร่างผู้เสียชีวิตลงจากรถกระบะแล้วเคลื่อนย้ายไปที่จุดอำพราง เนื่องจากผู้ตายร่างเล็กและผู้ต้องหาเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ร่างกายแข็งแรง ประกอบกับจังหวะที่กระทำความผิดมีแรงกระตุ้นให้นำร่างไปคนเดียวได้ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ก็ต้องพิสูจน์ถึงพยานแวดล้อมและกล้องวงจรปิดใกล้เคียงต่อไป
พ.ต.อ.ประมุข ปิ่นปลื้มจิตต์ ผกก.สภ.แก่งโสภา เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การเบื้องต้นคือ ฆ่าบีบคอผู้ตายในช่วงเช้า และรอเวลาจังหวะช่วงกลางวันจึงนำพาศพไปเผานั่งยางอำพราง ซึ่งระยะทางที่ผู้ต้องหานำพาศพจากรถกระบะมาจุดเผานั่งยางประมาณ 50 เมตร
คำถามที่ว่าผู้ต้องหานำพาศพด้วยตัวคนเดียวหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบตามพยานหลักฐานปรากฏก่อน หากมีผู้ร่วมกระทำความผิดก็จะดำเนินการเพิ่มเติมอีก โดยขณะนี้ทางตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา คือ ฆ่าคนตายโดยเจตนา และอำพรางซ่อนเร้นศพ
ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก่งโสภาได้สอบสวนพยานบุคคล ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ญาติ หรือผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะที่ตำรวจสืบสวนก็ออกสืบสวนตรวจสอบยืนยันคำให้การของผู้ต้องหาอีกทางหนึ่ง เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงตลอดเส้นทางไปจนถึงจุดที่พบศพ ซึ่งมีโครงกระดูก มือถือ อุปกรณ์ ดีเอ็นเอ ชัดเจน
โดยเฉพาะก่อนเกิดเหตุมีคนพบเห็นว่าผู้ต้องหาอยู่กับผู้ตาย หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ก็รวบรวมได้ครบ รายละเอียดสาเหตุการตาย ร่องรอยจากรถที่ยึดได้ ร่องรอยที่เกิดเหตุ ได้ดำเนินการมีความคืบหน้ามาก ส่วนหนึ่งผู้ต้องหามามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้ชัดเจน
“ผู้ต้องหารับสารภาพเพราะกลัวความผิดก็เลยเอาคนตายไปเผาเพื่อซ่อนเร้นปิดบัง ซึ่งผมคิดว่าด้วยความเป็นเด็ก กลัวความผิด อารมณ์ชั่ววูบ ความหึงหวงทะเลาะกันเลยพลั้งมือ จากการตรวจสอบความผิดอื่นไม่มี มีเพียงประเด็นเดียวเป็นเรื่องความหึงหวง ทะเลาะกันเพราะเกรงว่าผู้หญิงตีตัวออกห่าง”
อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่ได้เชื่อคำให้การทั้ง 100% ผู้ต้องหามีสิทธิให้การอะไรก็ได้ ซึ่งเมื่อวาน (9 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานทั้งวัน ก็ต้องขอเวลาให้ตำรวจทำงานก่อน แต่หลักฐานและพยานเวลานี้สอดคล้องกันว่าผู้ต้องหาลงมือทำเพียงคนเดียวเท่านั้น ยังไม่พบว่ามีผู้อื่นร่วมด้วย แต่ทางการสืบสวนตำรวจก็ไม่ทิ้งประเด็นผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้
พล.ต.ต.ธวัชกล่าวอีกว่า มูลเหตุที่นายแม้ว ผู้ต้องหามามอบตัวและรับสารภาพเชื่อว่าน่าจะเป็นความกดดันจากทางญาติผู้ตายเอง ตนเชื่อว่าด้วยพยานหลักฐานหลังจากญาติฝ่ายหญิงแจ้งความลูกสาวหายไป ประกอบกับช่วงก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้มาอยู่กับผู้ต้องหา ในการสอบสวนทำให้เขาไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ตายไปไหน อย่างไร ด้วยพยานหลักฐานพุ่งมาที่ตัวเด็ก ม.6 จึงกดดันทำให้ต้องยอมรับผิด ซึ่งคดีนี้โทษค่อนข้างรุนแรง ทั้งข้อหาเจตนาฆ่าและปิดบังซ่อนเร้น การมอบตัวความผิดโทษน้อยลง