เชียงใหม่ - ดาวเทียมตรวจพบจุดความร้อนเชียงใหม่พุ่ง 110 จุด เจอเผาป่าหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่แป็นพื้นที่โซนเหนือที่อยู่ในช่วงห้ามเผา ต้องระดมกำลังทั้งภาคพื้นดินเดินเท้าเข้าดับและอากาศยานโปรยน้ำสนับสนุน คาดเป็นการเร่งชิงเผาหลังจังหวัดมีประกาศห้ามเผาและห้ามเข้าป่าตั้งแต่ 1 มี.ค. 64
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สภาพตัวเมืองเชียงใหม่วันนี้ (27 ก.พ. 64) พบว่ามีฝุ่นควันปกคลุมเล็กน้อย โดยรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ จากสถานตรวจวัดในพื้นที่ตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ และตำบลสุเทพ อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าค่าฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง เมื่อเวลา 09.00 น.อยู่ที่ 64 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ 43 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 134,100 และ 71 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100 ซึ่งภาพรวมถือว่าคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง ถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ขณะที่รายงานการตรวจพบจุดความร้อน หรือ Hotspot ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 110 จุด อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ 64 จุด และป่าสงวนแห่งชาติ 44 จุด และเขต ส.ป.ก.อีก 2 จุด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่บนเขาสูงชันยากต่อการเข้าถึง ทั้งนี้จุดความร้อนพบอยู่ในพื้นที่ 16 อำเภอ พบมากที่สุดในอำเภอสันทราย 16 จุด รองลงมาคือ อำเภอแม่แจ่ม 12 จุด และอำเภอดอยสะเก็ด 11 จุด โดยส่วนใหญ่เกิดในอำเภอโซนเหนือที่อยู่ในช่วงห้ามเผาโดยเด็ดขาด และไม่ได้รับอนุญาตให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงนามในประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่องห้ามการเผาทุกชนิด 60 วัน ยกเว้นพื้นที่ตามแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม โดยผู้ที่ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท ทำให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่โซนเหนือเร่งชิงเผาเพื่อกำจัดเชื้อเพลิงก่อน ซึ่งในส่วนของอำเภอดอยสะเก็ดพบไฟไหม้ในบริเวณป่าห้วยกอม บ้านป่าสักงาม ตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
โดยเจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าห้วยฮ่องไคร้-ขุนแม่กวง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าดับไฟอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ รวมถึงในช่วงกลางคืน มีบางจุดที่ที่ไม่สามารถเข้าถึง เนื่องจากระยะทางไกลและเขาสูงชัน ขณะที่วันนี้จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เดินเท้าขึ้นเขาเพื่อเร่งดับไฟซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน ได้ประสานเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บินโปรยน้ำ เพื่อบรรเทาความรุนแรงของเชื้อไฟควบคู่กันไป ในจุดเดิมและในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ที่อยู่ใกล้เคียงกัน 7 จุด พร้อมยังได้จัดเจ้าหน้าที่เร่งดับไฟป่า ทางทิศเหนือบ้านปงนอก บ้านป่าสักงาม ตำบลลวงเหนือ, ป่าทิศตะวันตกดอยหลวง และทิศใต้ของบ้านแม่หวาน ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ที่ลงนามออกประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่องห้ามการเผาทุกชนิด แล้ว เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 64 นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรบำไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) ลงนามประกาศพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติ เรื่องห้ามมิให้บุคคลหนึ่บุคคลใด เข้าไปกระทำการใดๆ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ด้วยเช่นกัน
โดยประกาศดังกล่าวอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ และพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ห้ามมิให้บุคคลหนึ่ง บุคคลใดเผาป่า หรือเข้าไปกระทำการใดๆ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติทุกแห่ง ในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมีเหตุอันควร จำนวน 25 ป่า ครอบคลุมพื้นที่ 25 อำเภอ โดยเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2564
ทั้งนี้ หากราษฎรรายใดมีความประสงค์จะเข้าพื้นที่ป้าสงวนแห่งชาติ เพื่อดำเนินกิจการใดๆ ที่ไม่ขัดต่อกฎหมายความสงบเรียบร้อย หรือไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ไฟและหมอกควัน ต้องแสดงตนลงทะเบียนไว้เป็นหลักฐานต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหน่วยงานป่าไม้ในท้องที่แล้วแต่กรณี ส่วนกรณีที่ตรวจพบผู้เข้าไปในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอุปกรณ์และมีพฤติกรรมพร้อมที่ทำให้เกิดไฟป่าหรือทำให้เสื่อมสภาพต่อไปสมุดแห่งชาติผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิด มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ