บุรีรัมย์ - สองผัวเมียชาวสุราษฎร์ธานีสุดช้ำใจถูกผู้รับเหมาหลอกปล่อยลอยแพนานกว่า 1 เดือนติดต่อไม่ได้ ต้องตระเวนขอทำงานรับจ้างตามหน่วยงานหาเงินซื้อข้าวกิน เจ้าหน้าที่ รพ.สต.สงสารให้จักรยานไว้ใช้ ทั้งคู่ตัดสินใจเขียนป้ายประชดติดท้ายจักรยานปั่นไปตามถนนวอนคนใจดีช่วยส่งกลับบ้าน ตัดพ้อค่าจ้างที่ผู้รับเหมาโกงไป ถ้ายังไม่ตายก็จะหาเอาใหม่ขอแค่ได้กลับบ้าน
วันนี้ (21 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบสองสามี-ภรรยาปั่นจักรยานมาตามถนนทางหลวงหมายเลข 24 มาจากทางอำเภอบ้านกรวด มุ่งหน้าเข้าตัวอำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยมีป้ายที่เขียนข้อความติดไว้ท้ายรถจักรยานด้วยว่า “ถูกผู้รับเหมามาทิ้ง จะกลับบ้านค่ะ ขอคนใจดีช่วยส่งเรากลับบ้านด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ก็พบนักศึกษาชายหญิง 2 คน ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่โทร.แจ้ง และด้วยความสงสารนักศึกษาทั้ง 2 คนยังได้ซื้อข้าวให้สองสามีภรรยากินด้วย
จากการสอบถาม นายสมประสงค์ บริบูรณ์ อายุ 50 ปี เล่าว่า นายสมชาย ซึ่งเป็นผู้รับเหมาได้พาตนเอง และ น.ส.พัชนันท์ ทายะ อายุ 53 ปี ภรรยา พร้อมกับเพื่อนคนงานอีก 4 คน เดินทางมาจากหัวหิน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เพื่อมาทำงานก่อสร้างที่อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ โดยตนเองเป็นช่างเชื่อมเหล็ก แต่พอผู้รับเหมามาส่งทิ้งไว้ที่แคมป์คนงาน อ.บ้านกรวด เขาบอกให้กักตัวตามมาตรการควบคุมโรคก่อน 14 วัน
โดยผู้รับเหมาจ่ายเงินค่าแรงล่วงหน้าไว้ให้คนละ 2,000 บาท จากนั้นผู้รับเหมาก็หายไป ปล่อยพวกตนทิ้งไว้ที่แคมป์คนงาน จนผ่านไปนานกว่า 1 เดือนก็ยังไม่ได้ทำงาน
พยายามติดต่อผู้รับเหมาก็ติดต่อไม่ได้ ซึ่งตามจริงหากได้ทำงานตนจะได้ค่าแรงวันละ 550 บาท แต่พอผ่านไปนานกว่า 1 เดือนงานก็ไม่ได้ทำเงินที่ให้ไว้ 2,000 บาทก็ซื้อกินหมดแล้ว จึงตัดสินใจไปตระเวนขอรับจ้างทำความสะอาด รดน้ำต้นไม้ตาม รพ.สต.และหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อหาเงินซื้อข้าวกิน เขาก็จ้างบ้างไม่จ้างบ้าง พอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หมอคนหนึ่งชื่อคุณหมอปรีดา ฟังเขาก็สงสารให้จักรยานมาไว้ใช้ 2 คัน
ตนจึงตัดสินใจเขียนป้ายติดท้ายรถจักรยานแล้วปั่นไปตามถนนเผื่อจะมีคนใจดีช่วยเหลือส่งเรากลับบ้าน แต่หากไม่มีคนช่วยก็ตั้งใจจะปั่นไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยอาศัยนอนตามศาลาริมทาง และขอข้าวจากวัดกินประทังความหิว
นายสมประสงค์บอกว่า เงินค่าแรงที่ถูกผู้รับเหมาโกงไม่ตายก็จะหาเอาใหม่ ขอแค่ให้มีคนช่วยส่งกลับบ้าน เพราะสงสารภรรยาที่ป่วยเป็นโรคปอดแต่ยาที่เตรียมมาไว้กินก็หมด จึงอยากจะพาภรรยากลับบ้าน ซึ่งพลเมืองดีที่พบเห็นตนและภรรยาก็ช่วยโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่าจะประสานทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้ แต่ก็ยังเงียบ ก็คงต้องพาภรรยาปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร ญาติก็ฐานะยากจนไม่สามารถมารับได้
ส่วนเพื่อนบ้านที่เหลืออีก 4 คนเขาก็ให้ญาติมารับกลับบ้านแล้ว ก็อยากให้หน่วยงาน หรือคนใจดีช่วยส่งกลับบ้านด้วย