ประจวบคีรีขันธ์ - ปลัดจังหวัดประจวบฯ สั่งตั้งกรรมการสอบผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครองอำเภอส่อพิรุธนำ 5 ชาวพม่าหลบหนีเข้าเมือง แถมเจอตอแอบต่อบัตรต่างด้าวขัดคำสั่งกระทรวงมหาดไทย
จ่าเอกแก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สั่งให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านเนินแก้ว ต.อ่าวน้อย อ.เมือง ผู้ใหญ่บ้าน และฝ่ายปกครองอำเภอถูกร้องร้องเรียนมีพฤติกรรมเข้าข่ายลักลอบนำชาวพม่า 5 ราย ทราบชื่อคือ นางบี ปลอดโปร่ง อายุ 31 ปี ด.ช.เกรียงศักดิ์ ปลอดโปร่ง อายุ 14 ปี ด.ญ.ไปรยา ทองคำ และเด็กทารก 2 ราย เดินข้ามชายแดนหลบหนีเข้าเมืองผ่านช่องพุระกำ
โดยใช้รถกระบะไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จากนั้นนำบุคคลทั้งหมดไปพักไว้ที่หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงวังคะเคียน หมู่ 5 บ้านเนินแก้ว-หนองเสือ หลังจากที่ผ่านมา ชาวพม่าทั้ง 5 รายเดินทางออกจากหมู่บ้านไปทำไร่ที่ อ.ตะนาวศรี จ.มะริด ขณะที่ป้องกันจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานกับฝ่ายปกครองอำเภอเมืองเพื่อให้รายงานข้อเท็จจริง โดยสอบสวนผู้นำท้องที่ที่เกี่ยวข้องทุกราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอว่า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองอย่างเข้มงวดหรือไม่
มีรายงานว่า สำหรับการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองดังกล่าว ชาวพม่าทั้งหมดได้รับการติดต่อจากนายเป้ ชาวกะเหรี่ยง อายุ 40 ปี เพื่อติดต่อไปผู้นำท้องที่นายหนึ่ง พร้อมผู้ช่วย เพื่อให้เดินทางไปรับที่ช่องทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 และนำมาพักอาศัยที่บ้านนายเป้ ทำให้นายตุ้ย ไม่ทราบนามสกุล คนไทยที่มีภรรยาเป็นกะเหรี่ยง ผู้ดูแลชุมชนไม่พอใจการกระทำของผู้นำท้องที่ หลังนำชาวพม่าเข้าพักในหมู่บ้านช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 และเกรงจะนำเชื้อมาแพร่ระบาดในชุมชน จึงประสานไปที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึกให้ไปตรวจสอบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้สอบปากคำนางบีรวมทั้งครอบครัว และผู้นำท้องที่รายหนึ่งเพื่อขอทราบข้อเท็จจริง โดยให้เหตุผลว่ากำลังจะแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งในข้อเท็จจริง ผู้นำท้องที่ควรนำตัวชาวาทั้งหมดไปแจ้งดำเนินคดีข้อหาลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ขณะที่ อส.รายหนึ่งที่ได้รับคำสั่งจากป้องกันจังหวัดให้ไปติดตามการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองในหมู่บ้านดังกล่าว ระบุว่า หากกรณีนี้มีการสอบสวนโดยไม่มีมวยล้มจะมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐหลายราย
ด้านแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า สำหรับบัตรหมายเลข 0 หรือบัตรผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ของนางบี พบว่า มีการต่อบัตรเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2562 ขณะที่กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้ยกเลิกการต่ออายุบัตร เนื่องจากพบว่ามีการทุจริตจำนวนมาก แต่ในรายของนางบี สามารถต่ออายุบัตรได้ โดยต้นทางจะต้องรับรองประวัติบุคคลก่อนส่งถึงหน่วยงานระดับอำเภอ จากการตรวจสอบพบว่า การต่อบัตรดังกล่าวจะต้องมีการวิ่งเต้นจ่ายเงินให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายละ 5 หมื่นบาท