ชัยนาท - เปิดใจพ่อสิบตำรวจหนีเมียไปแต่งงานใหม่ เผยลูกชายเข้าบ้านมาขอโทษ ส่วนลูกสะใภ้คุยแล้ว ไม่ร้องเอาผิดวินัยสามี ด้านพระสงฆ์ที่อยู่ในคลิปเตือนแต่งงานซ้อนแบบนี้อย่าหาทำ
จากกรณีสิบตำรวจตรีนายหนึ่ง ได้บอกกับภรรยาว่าจะไปเข้าเวร แต่กลับแอบไปเข้าพิธีแต่งงานกับสาวคนใหม่ ที่บ้านหลังหนึ่งในอำเภอเมืองชัยนาท ทำให้ภรรยาต้องถือทะเบียนสมรสบุกเข้าไปทวงสิทธิ ระหว่างที่สามีกับสาวคนใหม่กำลังประกอบพิธีแต่งงาน โดยได้มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กไปด้วย จนกลายเป็นคลิปไวรัลดังไปทั่วโซเชียล และเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา
ล่าสุด บ่ายวันนี้ (19 ก.พ. ) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ตำบลเขาท่าพระ อำเภอเมืองชัยนาท ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่ของสิบตำรวจ โดยพบกับพ่อ อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการตำรวจตระเวนชายแดน อยู่บ้านคนเดียว ส่วนแม่และภรรยาไม่อยู่บ้าน ทราบว่าเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อออกรายการทีวีช่องหนึ่ง
พ่อของสิบตำรวจ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องขึ้นในงานแต่งเมื่อวานนี้ ช่วงเวลา 11.00 น. ลูกชายได้กลับเข้ามาที่บ้านแล้วมาขอโทษ พ่อ แม่ และภรรยา ยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงทำเช่นนั้น บอกแต่เพียงว่ามีความจำเป็น ตนจึงได้อบรมสั่งสอนไปว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด โดยลูกชายได้อยู่พูดคุยประมาณ 45 นาที จากนั้นตนแนะนำให้ลูกชายออกไปพักอาศัยที่อื่นก่อน เพื่อลดบรรยากาศตึงเครียดภายในบ้าน ให้ลูกชายไปอยู่คน เพื่อตั้งสติ ทบทวนในสิ่งที่กระทำไป แล้วค่อยกลับบ้านมาพูดคุยปรึกษากันในครอบครัวว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร
ทั้งนี้ ผู้เป็นพ่อยอมรับว่าเสียใจกับสิ่งที่ถูกชายกระทำ เพราะในฐานะที่ตนเคยรับราชการเป็นตำรวจ จึงอยากให้ลูกเจริญรอยตามเป็นตำรวจที่ดี นึกถึงคนอื่นก่อนตนเอง และอยากให้กลับมาดูแลครอบครัว ดูแลลูกและภรรยาเหมือนเดิม ส่วนเรื่องที่ลูกสะใภ้จะเข้าไปร้องเรียนต่อต้นสังกัดเพื่อเอาผิดกับลูกชายหรือไม่นั้น ลูกสะใภ้บอกว่าไม่ไปร้องเรียน เพราะหากสามีต้องถูกให้ออกจากราชการก็จะไม่มีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว แต่ที่นำทะเบียนสมรสบุกเข้าไปในงานแต่งงานนั้น เป้าหมายก็เพื่อให้ผู้หญิงเลิกกับสามี และยุติการแต่งงาน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดท่าชัย พบกับ พระครูสมุห์พงศ์ยศ พลญาโณ เจ้าอาวาสวัดท่าชัย รักษาการเจ้าอาวาสวัดหัวยาง หนึ่งในพระสงฆ์ที่ปรากฏอยู่ในคลิปแม่ตบหัวเจ้าบ่าว เปิดเผยเหตุการณ์วันนั้นว่า ขณะที่ตนเองและพระสงฆ์อีก 8 รูป กำลังสวดมนต์ประกอบพิธีแต่งงานให้แก่คู่บ่าวสาว ระหว่างที่ตนนั่งหลับตา ตั้งจิตภาวนาสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก็ได้ยินเสียงดังลอยมา ทีแรกคิดว่าเป็นเสียงเด็กเถียงกัน แต่เสียงกับดังขึ้นเรื่อยๆ จึงลืมตาขึ้น ก็เห็นผู้หญิงมายืนต่อว่าเจ้าบ่าว แปลกใจว่าเป็นใคร
หลังทราบว่าเป็นแม่เจ้าบ่าว พาลูกสะใภ้และหลานมาทวงสิทธิความเป็นภรรยาที่ถูกต้อง จึงรู้ว่าพิธีสมรสในครั้งนี้ไม่ถูกต้อง แต่เพราะเป็นพระสงฆ์ต้องมีสติและสำรวม จึงยังคงสวดมนต์ต่อไปให้จบบท แล้วรวบรัดตัดตอนพิธีการให้หยุดอยู่แค่นั้น จากนั้นก็รับถวายภัตตาหารเช้า ฉันข้าวไป 2-3 คำ ก็พาพระสงฆ์ทั้งหมดกลับวัด โดยไม่ได้สวดมนต์ให้พรแก่คู่บ่าวสาวแต่อย่างใด ก่อนออกจากบ้านงานได้บอกกับเจ้าภาพว่าควรหยุดพิธีแต่งงานนี้ และสั่งสอนเจ้าบ่าวไปว่า ทุกข์นี้เกิดแล้ว ปัญหาแห่งทุกข์เกิดจากใครต้องแก้ไขเอง
พระครูสมุห์พงศ์ยศ ยังชื่นชมแม่เจ้าบ่าว ว่าเป็นแม่ที่ดี เห็นลูกกระทำผิดก็เข้ามาตักเตือน ไม่เข้าข้างลูกตัวเอง ปกป้องสิทธิให้ลูกสะใภ้และหลานสาว และยังฝากเตือนพุทธศาสนิกชนว่าอย่าหาทำ และไม่พึงกระทำ ให้ดูเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ เตือนจิตใจตนเองก่อนที่จะกระทำสิ่งใดลงไป ควรจะคิดไตร่ตรองให้ดี พิจารณาให้ดีว่าสิ่งนี้ควรกระทำหรือไม่
ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดท่าชัย พบกับ พระครูสมุห์พงศ์ยศ พลญาโณ เจ้าอาวาสวัดท่าชัย รักษาการเจ้าอาวาสวัดหัวยาง หนึ่งในพระสงฆ์ที่ปรากฏอยู่ในคลิปแม่ตบหัวเจ้าบ่าว เปิดเผยเหตุการณ์วันนั้นว่า ขณะที่ตนเองและพระสงฆ์อีก 8 รูป กำลังสวดมนต์ประกอบพิธีแต่งงานให้แก่คู่บ่าวสาว ระหว่างที่ตนนั่งหลับตา ตั้งจิตภาวนาสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก็ได้ยินเสียงดังลอยมา ทีแรกคิดว่าเป็นเสียงเด็กเถียงกัน แต่เสียงกับดังขึ้นเรื่อยๆ จึงลืมตาขึ้น ก็เห็นผู้หญิงมายืนต่อว่าเจ้าบ่าว แปลกใจว่าเป็นใคร
หลังทราบว่าเป็นแม่เจ้าบ่าว พาลูกสะใภ้และหลานมาทวงสิทธิความเป็นภรรยาที่ถูกต้อง จึงรู้ว่าพิธีสมรสในครั้งนี้ไม่ถูกต้อง แต่เพราะเป็นพระสงฆ์ต้องมีสติและสำรวม จึงยังคงสวดมนต์ต่อไปให้จบบท แล้วรวบรัดตัดตอนพิธีการให้หยุดอยู่แค่นั้น จากนั้นก็รับถวายภัตตาหารเช้า ฉันข้าวไป 2-3 คำ ก็พาพระสงฆ์ทั้งหมดกลับวัด โดยไม่ได้สวดมนต์ให้พรแก่คู่บ่าวสาวแต่อย่างใด ก่อนออกจากบ้านงานได้บอกกับเจ้าภาพว่าควรหยุดพิธีแต่งงานนี้ และสั่งสอนเจ้าบ่าวไปว่า ทุกข์นี้เกิดแล้ว ปัญหาแห่งทุกข์เกิดจากใครต้องแก้ไขเอง
พระครูสมุห์พงศ์ยศ ยังชื่นชมแม่เจ้าบ่าว ว่าเป็นแม่ที่ดี เห็นลูกกระทำผิดก็เข้ามาตักเตือน ไม่เข้าข้างลูกตัวเอง ปกป้องสิทธิให้ลูกสะใภ้และหลานสาว และยังฝากเตือนพุทธศาสนิกชนว่าอย่าหาทำ และไม่พึงกระทำ ให้ดูเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ เตือนจิตใจตนเองก่อนที่จะกระทำสิ่งใดลงไป ควรจะคิดไตร่ตรองให้ดี พิจารณาให้ดีว่าสิ่งนี้ควรกระทำหรือไม่