xs
xsm
sm
md
lg

สำเร็จแห่งแรกของนครพนม “วิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชาฯ” ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครพนม - “ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนฯ หนุนตั้งวิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชา เพื่อรักษาโรคสำเร็จแห่งแรกของนครพนม ได้ผลผลิตดี ตั้งเป้าขยายพื้นที่ปลูกให้ความรู้ชุมชน ส่งเสริมเป็นอาชีพเกษตรทางเลือกเพื่อทำวิจัยรักษาโรค เชื่อมโยงร้านเมนูกัญชา ชูเมนูเด็ดพื้นบ้านต้มไก่ใส่ใบกัญชาเพื่อสุขภาพ เผยล่าสุดราคาขยับใบละ 10 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่แปลงสาธิตปลูกกัญชาวิสาหกิจ ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.เขต 1 พรรคภูมิใจไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 พร้อมด้วย นางพูนสุข โพธิ์สุ อดีตรองนายก อบจ.นครพนม นายทันใจ ณ รังสี ส.อบจ.นครพนม เขต อ.ศรีสงคราม นายกามนิต มงคลเกตุ สาธารณสุขอำเภอศรีสงคราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการ ผลักดันก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชาของ ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนแห่งแรกที่ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการปลูกกัญชาเพื่อทำวิจัยในการรักษาโรค

อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการทำเกษตรทางเลือกปลูกกัญชาสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ภายใต้การขออนุญาตตามกฎหมาย เนื่องจากยังเป็นยาเสพติดให้โทษที่ต้องควบคุม โดยถือว่าเป็นวิสาหกิจชุมชนแห่งแรก ของนครพนมที่ประสบความสำเร็จในด้านการดูแลปลูกกัญชา

เบื้องต้นนำร่องเป็นแปลงสาธิตจำนวน 50 ต้นที่มีการปลูกแบบปลอดสาร เพื่อจะได้ลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณสุขนำไปวิจัยด้านการทำยารักษาโรค ซึ่งจะใช้ช่อดอกไปทำการทำวิจัย ส่วนใบกัญชาจะได้มีการขออนุญาต นำไปปรุงประกอบอาหารเป็นเมนูเพื่อสุขภาพชนิดต่างๆ


ส่วนการปลูกจะเป็นสายพันธุ์พื้นบ้าน ชื่อ หางกระรอกภูพาน เป็นพืชล้มลุก ใช้เวลาปลูกประมาณ 3-4 เดือน สามารถเก็บผลผลิตได้ โดยในครั้งนี้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้มีการสาธิตการทำเมนูเด็ดต้มไก่บ้าน ใส่ใบกัญชาปลอดสารพิษเพื่อสุขภาพให้คณะได้ชิมเมนูเด็ดอีกด้วย

นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ “ครูแก้ว” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เปิดเผยว่า สำหรับแปลงปลูกกัญชาสาธิตของวิสาหกิจชุมชน ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม ถือเป็นแห่งแรกที่มีการผลักดันร่วมกับชุมชนเพื่อนำร่องในการปลูกกัญชาเพื่อทำวิจัยด้านการแพทย์ภายใต้นโยบายของรัฐบาล และพรรคภูมิใจไทยที่มีการผลักดันแก้กฎหมายให้สามารถปลูกกัญชาได้เพื่อการรักษาโรค ปัจจุบันได้มีการแก้กฎหมายให้ สามารถใช้ใบกัญชาในการประกอบอาหารได้ แต่ต้องมาจากแหล่งปลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ส่วน ช่อดอกกัญชา ยังเป็นยาเสพติดประเภท 5 ที่ผิดกฎหมายตามกฎหมายเดิมที่ยังไม่สามารถปลดล็อกได้ นอกจากใบกัญชาสามารถนำไปปรุงอาหารได้ ส่วนช่อดอกจะต้องนำส่งไปทำวิจัยร่วมกับหน่วยงานทางการแพทย์ในการสกัดเป็นยารักษาโรคต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทางพรรคภูมิใจไทยจะได้เร่งหารือวางแนวทางเป็นทางเลือกให้เกษตรกร รวมถึงประชาชนได้ปลูกเพื่อสร้างรายได้ รวมถึงใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในการรักษาโรค เพราะทางการแพทย์สามารถวิจัยได้ว่าสามารถรักษาโรคบางชนิดได้ เช่น พาร์กินสัน โรคปลายประสาทอักเสบ โรคมะเร็งบางชนิด เคยมีการทดลองรักษาผู้ป่วยหายแล้วบางส่วน และอยู่ระหว่างการพัฒนาด้านการวิจัย


นายศุภชัยกล่าวอีกว่า ประโยชน์สูงสุดของกัญชานอกจากต้องการให้ประชาชนได้ประโยชน์จากการรักษาโรค ยังเป็นทางเลือกใหม่ของเกษตรกรเพื่อสร้างรายได้ในชุมชน คือการรวมกลุ่มกันก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนให้สามารถปลูกได้ในครัวเรือน รวมถึงสร้างรายได้ในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน โดยจะนำพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โมเดลมาเป็นต้นแบบ เชื่อว่าในอนาคตจะเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้ และเกิดประโยชน์ด้านการรักษาโรคอย่างแน่นอน

ส่วนรูปแบบการขาย จะมีการตั้งสหกรณ์ในการรับซื้อ และเชื่อมั่นว่าในอนาคตนครพนมจะเป็นแหล่งผลิตกัญชาเพื่อการรักษาโรคที่มีคุณภาพดีที่สุด เพราะในอดีตมีการลักลอบปลูกจำนวนมาก แต่ผิดกฎหมาย และปัจจุบันเมื่อถูกกฎหมายจะต้องเกิดประโยชน์ต่อชุมชนมากที่สุด ซึ่งนโยบายปลูกกัญชาครัวเรือนละ 6 ต้นได้ปลูกแน่นอน แต่ต้องรอขั้นตอนให้ถูกต้องตามกฎหมาย


นายกามนิต มงคลเกตุ สาธารณสุขอำเภอศรีสงคราม จ.นครพนม เปิดเผยว่า การปลูกกัญชาจะต้องมีขั้นตอนขออนุญาตตามกำหมายทุกขั้นตอน ทั้งการปลูกแบบวิสาหกิจชุมชน หรือการปลูกเพื่อรักษาโรค นอกเหนือจากนั้นถือว่าผิดกฎหมาย รวมถึงกฎหมายได้มีการปลดล็อกให้สามารถนำใบกัญชา ต้นกัญชา ราก ยกเว้นช่อดอก ให้สามารถนำไปปรุงเป็นเมนูประกอบอาหารเพื่อสุขภาพได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานสาธารณสุขในการตรวจสอบดูแลเพื่อความปลอดภัย

ที่สำคัญต้องมีที่มาจากการปลูก แหล่งผลิตที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนที่จะนำไปปรุงเมนูจำหน่าย หรือรับประทาน เพราะอาจเกิดอันตรายหากนำไปปรุงเป็นเมนูในปริมาณไม่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันเมื่อวิสาหกิจชุมชนประสบความสำเร็จจะได้ร่วมกันกับหน่วยงานรัฐ ส่งในส่วนของช่อดอกไปทำวิจัยเป็นยารักษาโรค ส่วนใบของกัญชา จะมีเอกชนมาทำความร่วมมือข้อตกลงในการขออนุญาต รับซื้อไปปรุงเป็นเมนูเพื่อสุขภาพต่อไป ปัจจุบันมีข้อมูลว่ามีราคาขายอยู่ที่ใบละประมาณ 10 บาท เชื่อว่าอนาคตจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น