เชียงใหม่ - “ทัศนัย” นำทีมผู้บริหารเทศบาลนครเชียงใหม่แถลงผลงาน 12 ปีในตำแหน่ง พร้อมประกาศขอวางมือไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เหตุรู้สึกทำงานตอบแทนประชาชนได้ไม่เต็มร้อย แต่เชื่อมั่นใจทำให้เชียงใหม่เป็นเมืองที่ดีขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามคาดเตรียมส่งคนในตระกูล “บูรณุปกรณ์” ลงรักษาฐานที่มั่นแน่ พร้อมสู้ศึก “เฮียน้อย” จากฝั่งเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัครหน้าใหม่จากคณะก้าวหน้า
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 64 ที่หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นำผู้บริหารเทศบาลนครเชียงใหม่แถลงผลการดำเนินงานของเทศบาลนครเชียงใหม่ภายใต้คำขวัญ "ขอบคุณที่ให้โอกาสเสมอมาตลอด 12 ปี" ก่อนที่จะสิ้นสุดวาระในวันที่ 1 ก.พ. 64 ว่า ช่วงที่บริหารมากว่า 12 ปี ที่ได้รับความร่วมมือจากผู้บริหาร สมาชิกสภา ข้าราชการพนักงาน ผู้นำชุมชนและทุกภาคส่วนมาด้วยดีตลอด ทำให้การพัฒนาเมืองเชียงใหม่ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการพัฒนาเมืองเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพชีวิตให้ดีกว่าเดิม พร้อมส่งเสริมท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการศึกษา สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน สิ่งแวดล้อม และท่องเที่ยวเป็นหลัก ช่วง 10 กว่าปีเชียงใหม่ประสบปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง PM 2.5 ปกคลุมและปัญหาทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ต้องแก้ปัญหาระบบขนส่งมวลชน เนื่องจากมียานพาหนะจำนวนมาก จึงพัฒนาขนส่งมวลชน และติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวี กว่า 400 จุด เพื่อควบคุมการจราจรให้ลื่นไหล พร้อมดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้เชียงใหม่ได้รับรางวัลเป็นเมืองน่าอยู่ระดับเอเชีย และเมืองเป็นมิตรระดับโลกด้วย
ขณะเดียวกัน นายทัศนัยกล่าวว่า ช่วง 12 ปีที่บริหารได้รับรางวัลจากหน่วยงานและองคฺ์การต่างๆ รวม 51 รางวัล ทั้งด้านพัฒนาเมือง การศึกษา คุณภาพชีวิต สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยว โดยเฉพาะการศึกษาที่มุ่งเน้นให้เป็นการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อรองรับเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ พร้อมสร้างโอกาสให้ผู้ด้อยโอกาสได้เข้าถึงบริการสาธารณะอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมเพื่อลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ซึ่งผลงานที่ภาคภูมิใจที่สุดคือ การบริหารงานคลังและการพัฒนาจัดเก็บรายได้ สามารถปลดหนี้หรือเงินกู้เทศบาลกว่า 200 ล้านบาทภายใน 2-3 ปีเท่านั้น พร้อมควบคุมการใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเทศบาลฯ ลดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ 10-20% ทำให้เหลือเงินสะสมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งผู้บริหารชุดใหม่สามารถสานต่อและต่อยอดการพัฒนาเมืองได้ทันที มีงบประมาณรองรับ เนื่องจากฐานะการคลังเข้มแข็งที่สุดอยู่แล้ว
ทั้งนี้ นายทัศนัยประกาศด้วยว่า ในการเลือกตั้งสมัยหน้าตนขอวางมือทางการเมืองชั่วคราว เพราะรู้สึกว่ายังทำงานรับใช้ประชาชนได้ไม่เต็มร้อย จึงไม่ต้องการเอาเปรียบประชาชนด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งอนาคตหากมีความพร้อมอาจกลับมารับใช้ประชาชนอีก แต่เป็นรูปแบบใดยังตอบไม่ได้ ส่วนผู้บริหารชุดใหม่ ขอฝากดูแลประชาชน เพราะผู้ที่อาสามาทำงานมีนโยบายเป็นของตัวเองอยู่แล้วเพื่อพัฒนาให้ดีกว่าเดิม ดังนั้นประชาชนต้องติดตามและตรวจสอบว่านโยบายทำได้หรือไม่ พร้อมอยากฝากเป็นข้อคิดว่า "เมื่อเราฟังคนจะฟัง เมื่อเราทำคนจะเชื่อ" แต่สุดท้าย ประชาชนใช้วิจารณญาณและตัดสินใจเลือกเพื่อเป็นตัวแทนทำหน้าที่ดังกล่าว
นอกจากนี้ นายทัศนัยบอกว่า ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งและทำงานมา 12 ปีถือว่าได้รับเกียรติจากประชาชน และขอบคุณที่ให้โอกาสและไว้วางใจมาทำหน้าที่ดังกล่าวจนได้รับประสบการณ์ที่ดีมากมาย เคยพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษ และอดีตนายกรัฐมนตรีหลายท่าน เคยต้อนรับผู้นำประเทศ และเอกอัครราชทูตหลายชาติ ที่สำคัญได้ทำงานร่วมกับผู้นำชุมชน ภาคีเครือข่ายและทุกภาคส่วน ที่ร่วมผลักดันพัฒนาเมืองแบบยั่งยืน แต่น่าเสียดายที่ต้องพักเรื่องการเมืองไว้ก่อนเพราะตนเองไม่พร้อมเต็มร้อย ต้องให้โอกาสผู้ที่สนใจและอาสารับใช้ประชาชนมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน เพื่อประชาชนจะได้ไม่เสียโอกาส และมีผู้บริหารที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งมั่นใจว่าหลังจากที่ตนพ้นจากตำแหน่งแล้วได้ส่งมอบเมืองเชียงใหม่ที่ดีขึ้นกว่าวันแรกให้แก่คนเชียงใหม่แล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ว่านายทัศนัยจะประกาศวางมือและไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตระกูล “บูรณุปกรณ์” จะยังคงมีการส่งตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อรักษาฐานที่มั่นอย่างแน่นอน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายประพันธ์ บูรณุปกรณ์ ผู้เป็นอาของนายทัศนัย เคยประกาศตัวอย่างไม่เป็นทางการว่าจะลงสมัคร แต่ล่าสุดกระแสข่าวระบุว่าอาจจะมีการเปลี่ยนตัวเป็น นายอัศนี บูรณุปกรณ์ เลขานุการส่วนตัวนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และเป็นลูกชายของนายประพันธ์ ที่ลงสมัครแทน ด้วยความเหมาะสมกับสถานการณ์และเหตุผลบางอย่าง
ขณะที่ในส่วนของว่าที่ผู้สมัครที่น่าจับตามองในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ครั้งนี้นั้น ได้แก่ นายชาตรี เชื้อมโนชาญ หรือเฮียน้อย อดีตรองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่หลายสมัย ที่ลาออกและแยกตัวออกมาจากกลุ่ม “บูรณุปกรณ์” พร้อมประกาศตัวและลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องมานานนับปีในนามหัวหน้ากลุ่มพิงคนคร ซึ่งมีความสัมพันธ์แนบแน่นใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย ส่วนอีกรายคือ นายธีรวุฒิ แก้วฟอง หรือเหมา ข้าราชการสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่และนักธุรกิจคราฟต์เบียร์ ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวเตรียมลงสมัครในนามกลุ่มคณะก้าวหน้า เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 64 ซึ่งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้วิดีโอคอลร่วมพูดคุยในการเปิดตัวด้วย