เชียงราย - ผู้ปกครองเด็ก ป.2 มือโพสต์โวยครูกล้อนผมลูกผิดทรง หอบกระเช้าขึ้นโรงพักขอโทษโพสต์ไม่ทันคิดจนครูโดนด่ายันลูก รับลูกชายปกปิดความจริงตัดผมเองแต่บอกโดนครูตัด
ความคืบหน้ากรณีบิดานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ (ป.) 2 โรงเรียนบ้านจอเจริญ ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ได้โพสต์ข้อความและภาพว่าลูกชายถูกครูประจำชั้นตัดผม โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าและตอนบนของศีรษะจนไม่สามารถตัดให้เป็นทรงที่ดีได้ ซึ่งข้อความที่โพสต์มีเนื้อหารุนแรงในลักษณะแฉพฤติกรรมและข่มขู่ถึงขั้นเอาชีวิต ซึ่งมีผู้คนในโลกออนไลน์แชร์ต่อและแสดงความเห็นกันอย่างรุนแรงตลอดทั้งวันวานที่ผ่านมานั้น
นายทรงวุฒิ เทพรักษา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านจอเจริญ กล่าวว่า การโพสต์ข้อความพร้อมภาพดังกล่าวได้สร้างความเสียหายให้ทางโรงเรียนมาก เพราะโรงเรียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยหลังจากตรวจพบผู้ปกครองของเด็กโพสต์ข้อความทางโรงเรียนก็รีบตรวจสอบว่ามีการตัดผมเด็กในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งโรงเรียนก็ไม่มีนโยบายและแนวทางในการทำเช่นนั้น เมื่อสอบถามบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งคนขับรถรับส่งนักเรียน ก็ทราบว่าตอนออกจากโรงเรียนเด็กไม่ได้มีทรงผมแบบที่ปรากฏในภาพ
ดังนั้นจึงได้พยายามติดต่อกับผู้ปกครองคนดังกล่าว แต่ไม่ยอมรับโทรศัพท์และอ่านไลน์ จึงได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.) เพราะโรงเรียนได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากเมื่อแชร์กันออกไปก็มีคนแสดงความเห็นด่าว่าทางโรงเรียนต่างๆ นานา บางคนยังเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของครูประจำชั้นถึงขั้นอ้างอิงไปถึงลูกของครูทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะได้รับอันตราย ในโพสต์ยังมีข้อความขู่ตัดศีรษะและอื่นๆ อีกมากมาย สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงของโรงเรียนที่สร้างมานานกว่า 50 ปีและกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นครูมาก
ล่าสุดวันนี้ (28 ม.ค. 64) ร.ต.อ.เดชา อินคำปา รอง สว.(สอบสวน) สภ.เวียงชัย จ.เชียงราย ได้เรียกให้นายวรภัทร อายุ 29 ปี บิดาของ ด.ช.ไก่ (นามสมมติ) อายุ 8 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 คนดังกล่าว ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนายวรภัทรได้ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความและภาพดังกล่าวจริงด้วยความเข้าใจผิด
เพราะเมื่อเย็นวันที่ 26 ม.ค. หลังจากเลิกงานและกลับบ้านก็เห็นทรงผมของลูกชายถูกตัดในลักษณะดังกล่าว เมื่อสอบถามลูกก็ได้ความว่าครูเป็นคนตัด ทำให้ตนรู้สึกโกรธมาก จึงถ่ายภาพและเขียนข้อความโพสต์ต่อว่าโรงเรียนต่างๆ นานาโดยไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่จะตามมา เมื่อมาทราบภายหลังว่าครูไม่ได้เป็นคนทำ แต่เด็กไปตัดผมกันเองแล้วมาบอกผู้ปกครองอีกอย่าง ซึ่งอาจจะเกิดความกลัว
“ผมเสียใจมากที่ใจร้อนทำไปโดยไม่รอบคอบ แต่ก็ยืนยันว่าต่อไปจะพยายามมีสติยั้งคิด จะสอบถามข้อเท็จจริงจากทางโรงเรียนก่อนทุกครั้ง”
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เดชาจึงให้นายวรภัทรและผู้บริหารโรงเรียนได้หารือกันเพื่อลบโพสต์เดิมและโพสต์ข้อความใหม่ที่มีเนื้อหาทำความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งนายวรภัทรได้รับดำเนินการให้ทุกอย่างทันที โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานพร้อมแจ้งเตือนให้ใช้สติในการโพสต์ข้อความใดๆ ที่จะกระทบถึงองค์กรหรือบุคคลอื่น โดยเฉพาะกรณีดังกล่าวสามารถป้องกันด้วยการสอบถามข้อเท็จจริงไปยังโรงเรียนก่อนโดยไม่ต้องด่วนโพสต์ข้อความจนมีผลกระทบดังกล่าว ซึ่งกรณีนี้ทางโรงเรียนไม่ติดใจเอาความถึงขั้นให้ดำเนินคดีเพียงแต่ให้แก้ไขปัญหาด้วยวิธีดังกล่าว