ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เทศบาลตำบลจอหอ โคราช เรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุย้อนหลังอื้อ 13 รายรวด ยอมชำระคืน 9 ราย เจอฟ้องศาล 4 ราย ยอดเงินหลักหลายหมื่นถึง 1 แสนบาท ด้านผู้เฒ่าวอนขอความเห็นใจ ไม่ได้ต้องการขอเบี้ยยังชีพแต่แรก อ้าง จนท.ทำให้ทุกอย่าง ระบุไม่มีเงินก้อนคืน หวังศาลให้ความเป็นธรรม
วันนี้ (26 ม.ค.) ความคืบหน้ากรณีการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุหลายรายในพื้นที่เทศบาลตำบลจอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นั้น ล่าสุด นายเสรี ไชยกิตติ นายกเทศมนตรีตำบลจอหอ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2562 ทางกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้มีหนังสือแจ้งมาว่าในพื้นที่เทศบาลตำบลจอหอมีผู้สูงอายุที่ขาดคุณสมบัติได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอยู่ทั้งหมดจำนวน 13 ราย เนื่องจากได้รับเงินบำนาญพิเศษตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว ต่อมาทางเทศบาลตำบลจอหอได้ทำหนังสือไปเชิญทั้ง 13 รายมาสอบถามก็ได้รับการยืนยันว่าทุกคนได้รับเงินบำนาญจริง ทางเทศบาลฯ จึงได้ส่งเรื่องไปให้กรมบัญชีกลางทราบ
กระทั่งปลายปี 2563 กรมบัญชีกลางมีหนังสือให้เทศบาลฯ เรียกเก็บเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน ซึ่งมีผู้สูงอายุจำนวน 9 รายที่ยอมคืนเบี้ยยังชีพ โดยบางรายที่มียอดเงินน้อยไม่กี่หมื่นบาทได้ส่งคืนทั้งหมดในคราวเดียว ขณะที่บางรายที่มียอดเงินหลายหมื่นบาท ถึงกว่า 1 แสนบาทก็พร้อมที่จะผ่อนชำระตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนอีก 4 รายแสดงความประสงค์ไม่คืนเงิน ทางเทศบาลตำบลจอหอจึงมีความจำเป็นต้องส่งเรื่องฟ้องต่อศาลแขวงนครราชสีมาเพื่อให้พิจารณาดำเนินคดีทางแพ่งต่อไป
“ขอยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใดๆ และในความเป็นจริงก็ไม่ได้อยากฟ้องศาล แต่หากไม่ฟ้องเทศบาลฯ ก็จะมีความผิดข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญา” นายเสรีกล่าว
ด้าน น.ส.วรรณภา สารเป็น อายุ 28 ปี บุตรสาวของ นางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง อายุ 83 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 4 ตำบลจอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วย น.ส.สมหมาย สมบูรณ์รัมย์ อายุ 60 ปี บุตรสาวของ นางก่วง สมบูรณ์รัมย์ อายุ 83 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 3 ตำบลจอหอ ออกมาเปิดเผยว่า นางสัมฤทธิ์ และนางก่วง ผู้เป็นแม่ทั้ง 2 คน ถูกเทศบาลตำบลจอหอเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
นางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง ถูกเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลัง ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2549 ถึงเดือน พ.ย. 2563 รวมเป็นระยะเวลานานกว่า 14 ปี รวมเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ย จำนวน 83,383 บาท ส่วนนางก่วง สมบูรณ์รัมย์ อายุ 83 ปี ถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นระยะเวลากว่า 14 ปีเช่นเดียวกัน เมื่อรวมเงินพร้อมดอกเบี้ยแล้วจะอยู่ที่ 84,673 บาท
ทั้งนางสัมฤทธิ์ และนางก่วง ได้รับเงินบำนาญพิเศษจากสามีที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ จึงถูกเรียกคืน เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลังเช่นเดียวกัน ซึ่งล่าสุดนางสัมฤทธิ์ และนางก่วง ถูกหมายเรียกจากศาลแขวงนครราชสีมาเพื่อการไกล่เกลี่ย การแก้ข้อหาแห่งคดี และสืบพยาน ในวันที่ 18 ก.พ.นี้
น.ส.วรรณภา สารเป็น บุตรสาวของ นางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง หนึ่งในผู้ถูกเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กล่าวว่า ครั้งแรกที่เห็นหนังสือเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของแม่ทุกคนในครอบครัวต่างตกใจอย่างมาก เพราะแม่ของตนไม่ได้ตั้งใจไปยื่นเรื่องขอรับเงินตั้งแต่แรก แต่มีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลจอหอเป็นผู้ดำเนินการเรื่องเอกสารให้ทั้งหมด ซึ่งแม่ไม่รู้เรื่องกฎหมาย และคิดว่าเป็นเงินส่วนที่พึงจะได้ กระทั่งมีหนังสือเรียกขอคืนเงินดังกล่าว
หลังจากได้รับหนังสือแจ้งตนพาแม่ไปติดต่อกับทางเทศบาลตำบลจอหอ เจ้าหน้าที่บอกว่าให้จ่ายเงินคืน 3 เดือนแรก งวดละ 18,000 บาท จากนั้นให้ทยอยผ่อนชำระในส่วนที่เหลืออีกประมาณเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งเราไม่สามารถหาเงินจำนวนมากมาชำระได้ ทำให้ถูกส่งฟ้องศาล และในวันที่ 18 ก.พ.นี้แม่จะเดินทางไปศาลแขวงนครราชสีมา เพื่อขอให้ศาลช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม