จันทบุรี - น่าเสียดาย! พบซากช้างป่าแม่ลูกล้มตายบริเวณสันอ่างเก็บน้ำคลองหางแมว จ.จันทบุรี คาดเกิดจากการตกลูกผิดธรรมชาติ ชาวบ้านพร้อมหน่วยงานพื้นที่เร่งนิมนต์พระสงฆ์สวดบังสุกุล ก่อนทำการฝังกลบตามหลักวิชาการ
วันนี้ (24 ม.ค.) พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน รอง ผบช.ภ.3 รรท.ผบก.ภ.จว.จันทบุรี พร้อมด้วย นายพีระศักดิ์ สนั่นเครื่อง นายอำเภอแก่งหางแมว นายอำนาจ ม่วงปรางค์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ศรีราชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันลงพื้นที่อ่างเก็บน้ำคลองหางแมว ม.4 ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว เพื่อตรวจสอบเหตุช้างป่าแม่ลูกล้มตาย
จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณทุ่งหญ้าที่มีการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมก่อสร้างคลองหางแมว ของสำนักงานกรมชลประทาน โดยพบซากช้างเพศเมีย อายุประมาณ 15 ปี น้ำหนักประมาณ 3-4 ตัน ที่กำลังส่งกลิ่นเน่าเหม็น และที่บริเวณขาหลังยังพบซากลูกช้างลักษณะเพิ่งคลอดจนไม่สามารถบ่งบอกเพศได้ สภาพเน่าเละถูกสัตว์ป่ากัดแทะจนเนื้อหายไปบางส่วน
ใกล้กันยังพบสายรก และกองเลือดเน่าแห้งกระจายอยู่โดยทั่ว เจ้าหน้าที่จึงบันทึกสถานที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบของทีมสัตวแพทย์ (สบอ.) ที่ 2 ศรีราชา คาดว่า สาเหตุการตายของช้างตัวแม่น่าจะเกิดจากการตกลูก เนื่องจากลูกช้างได้ใช้ขาหลังทั้ง 2 ข้างออกมาก่อนถือเป็นการตกลูกแบบผิดธรรมชาติซึ่งอาจทำให้แม่ช้างเกิดความเจ็บปวดและเสียเลือดมาก สุดท้ายจึงทำให้ตายทั้งแม่และลูก โดยคาดว่าน่าจะล้มตายมาแล้วประมาณ 5-7 วัน
ด้าน นายพีระศักดิ์ สนั่นเครื่อง นายอำเภอแก่งหางแมว เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบจุดที่พบซากช้างป่า มีลักษณะคล้ายเพิ่งมีการจุดไฟเผาหญ้าหรืออาจเกิดจากไฟป่า และได้มีการดับไปแล้วก่อนหน้าแล้วประมาณ 7 วัน เนื่องจากเริ่มมีหญ้างอกขึ้นมาใหม่ โดยเชื่อว่าน่าจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ช้างตาย
ส่วนผลการผ่าพิสูจน์ซากช้างเบื้องต้นทราบว่า สาเหตุมาจากแม่ช้างตกลูกผิดธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการถูกทำร้ายด้วยฝีมือมนุษย์หรือเกิดจากไฟป่า
ทั้งนี้ ชาวบ้านได้นิมนต์พระสงฆ์ 4 รูป ร่วมประกอบพิธีสวดบังสุกุลเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ช้างป่าแม่ลูก ก่อนนำรถแบ็กโฮทำการขุดฝังกลบซากช้างตามหลักวิชาการ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคต่อไป