เชียงใหม่ - รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ยัน จนท.กำลังเร่งรวบรวมหลักฐาน จ่อแจ้งความสถานบันเทิงเพิ่มอีกหลายแห่งเปิดเกินเวลาคืนเคานต์ดาวน์ปีใหม่ เนื่องจากข้อมูลสอบสวนโรคผู้ป่วยติดโควิด-19 ชี้ชัด ส่วนประเด็นภาคเอกชนท่องเที่ยว และ “วอร์มอัพ” ประกาศจ่าย 1 แสนให้คนเที่ยวติดเชื้อ โยนให้ไปถามที่ต้นตอ ชี้หากประชาชนเสียหายให้ใช้สิทธิ์เข้าแจ้งความดำเนินคดีได้เลย
นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า นอกจากการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้สั่งการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ปกครองเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับร้าน “วอร์มอัพ คาเฟ่” เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 64 แล้ว ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 36/2563 เรื่อง การดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ประกอบกับคำสั่ง ศบค. ที่ 6/2563 โดยมีข้อมูลหลักฐานพบว่าเปิดบริการในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 63 เกินเวลาที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่กำหนด และต่อมาพบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวนหลายรายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปใช้บริการในวันเวลาดังกล่าวด้วย
ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่กำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานว่า ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 63 นั้น มีสถานประกอบการคล้ายสถานบริการ หรือสถานบริการแห่งใดอีกหรือไม่ที่กระทำความผิดฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งกฎหมายสถานบริการ และคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 22/2558 ซึ่งเบื้องต้นจากข้อมูลหลักฐานที่ได้จากการสอบสวนโรคผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 พบว่ามีอีกหลายแห่งและที่ใดบ้างที่น่าจะกระทำความผิด โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งทำการตรวจสอบให้ข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนทั้งพยานหลักฐาน จากนั้นจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี ซึ่งยืนยันว่าหากพบความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแน่นอน
ส่วนประเด็นที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการที่เครือข่ายภาคเอกชนท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ และร้าน “วอร์มอัพ คาเฟ่” เคยประกาศว่าจะจ่ายเงิน 100,000 บาทให้แก่นักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อโควิด-19 และหากเสียชีวิตจ่าย 1,000,000 บาท แต่ต่อมาปรากฏว่ามีการปฏิเสธจ่าย โดยอ้างเหตุผลต่างๆ นั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่บอกว่าไม่สามารถชี้แจงแทนภาคเอกชนและทางร้านได้ เพราะทางจังหวัดไม่ได้เป็นผู้ประกาศ ฉะนั้น ต้องไปทวงถามจากผู้ที่ประกาศให้เป็นผู้ชี้แจงน่าจะดีที่สุด อย่างไรก็ตาม หากประชาชนผู้ใดที่ได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว สามารถใช้สิทธิ์เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีได้ ยกตัวอย่างเช่น หากมีการประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่าจะจ่ายแล้วไม่จ่าย อาจแจ้งความเอาผิดเกี่ยวกับการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ก็ได้ เป็นต้น