เชียงใหม่ - ปธ.สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่รับสภาพยอดผู้ป่วยโควิด-19 จากกรณีคนเที่ยวเคานต์ดาวน์ “วอร์มอัพ” เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลกระทบหนักธุรกิจท่องเที่ยว พร้อมแจงเคมเปญประกาศจ่าย 1 แสนให้ นทท.ติดเชื้อ เฉพาะกรณี 1G1 เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องครอบคลุมกรณีนี้
จากกรณีที่จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่พบผู้ป่วยรายที่ 50 ของจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 64 ซึ่งมีไทม์ไลน์เข้าไปเที่ยวปาร์ตี้เคานต์ดาวน์ปีใหม่ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 63 ที่ร้าน “วอร์มอัพ คาเฟ่” สถานบันเทิงชื่อดังของเชียงใหม่ และหลังจากนั้นพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นโดยเชื่อมโยงกับร้าน “วอร์มอัพ คาเฟ่” ทั้งสิ้น อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าอาจจะมีการตรวจพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกนั้น
วันนี้ (8 ม.ค. ) นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และหลายพื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งภาพสะท้อนที่เห็นได้ชัดเจนคือจำนวนผู้โดยสารขาเข้าผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ที่ลดลงจากช่วงปีใหม่ที่มีวันละประมาณ 8,000 คน เหลือเพียงประมาณวันละ 2,000 คนเท่านั้น โดยจากการประเมินเบื้องต้นธุรกิจที่พักโรงแรมและธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่างๆ จึงน่าจะได้รับผลกระทบในสัดส่วนประมาณเดียวกันนี้เป็นอย่างน้อย
สำหรับกรณีที่จังหวัดเชียงใหม่โดยภาคธุรกิจท่องเที่ยว และเครือข่ายภาคเอกชน เคยมีเคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการประกาศจ่ายเงิน 100,000 บาทให้นักท่องเที่ยวที่มาเชียงใหม่แล้วติดโควิด-19 และในกรณีที่เสียชีวิตจะจ่ายให้ 1,000,000 บาทนั้น ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เคมเปญดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกิดกรณีพบผู้ป่วยที่ไปทำงานที่โรงแรม 1G1 ประเทศเพื่อนบ้านและนำเชื้อเข้ามา ซึ่งภาคเอกชนได้เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ และมีความเห็นร่วมกันที่ต้องการจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวในกรณีดังกล่าว เนื่องจากมั่นใจว่าควบคุมสถานการณ์การแพร่เชื้อได้และเชียงใหม่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม แคมเปญดังกล่าวไม่หมายรวมและครอบคลุมในกรณีการพบผู้ป่วยและการแพร่ระบาดของเชื้อจาก “วอร์มอัพ คาเฟ่” รวมทั้งกรณีอื่นๆ แต่อย่างใด ส่วนจากนี้จะมีเคมเปญลักษณะนี้หรือแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อีกหรือไม่อย่างไรนั้น จะต้องมีการประชุมหารือร่วมกับทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง