บุรีรัมย์ - ผลตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยง 4 หมู่บ้าน อ.นางรอง ที่ถูกล็อกดาวน์หลังพบหญิงป่วยโควิดรายแรก จ.บุรีรัมย์แล้วกว่า 630 ราย ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่ยังต้องกักตัวที่บ้านสังเกตอาการจนครบ 14 วัน ขณะที่ผู้ป่วยรายแรกยังมีอาการปวดศีรษะ จมูกไม่ได้กลิ่น มีภาวะเครียดเนื่องจากติดตามสื่อและโซเชียลฯ เตรียมจัดทีมดูแลเยียวยาสภาพจิตใจ
วันนี้ (9 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิทิต สฤษฎีชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ และนายยุทธนา สุริยะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านกรวด รักษาการในตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าผู้ป่วยติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ตำบลชุมแสง อำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ รายแรกของจังหวัดซึ่งผู้ป่วยยังมีอาการปวดศีรษะ ไม่มีไข้ จมูกยังไม่ได้กลิ่น แต่มีภาวะเครียดเนื่องจากติดตามสื่อและอ่านข่าวจากสังคมออนไลน์ ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เตรียมความพร้อมทีม MCATT เพื่อประเมินสภาพจิตใจผู้ป่วย รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบ ตลอดทั้งวางแผนเยียวยาด้านจิตใจในพื้นที่เกิดโรคด้วย
สำหรับผลการตรวจหาเชื้อผู้เสี่ยงสัมผัสในพื้นที่เกิดโรคทั้ง 4 หมู่บ้านแล้ว 630 ราย ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่ยังต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเพื่อสังเกตอาการจนครบ 14 วัน
สำหรับโรงพยาบาลนางรองได้เปิดให้บริการตามปกติ แต่งดเยี่ยม และจำกัดคนเข้าเยี่ยม ผู้ที่มีอาการผิดปกติ หรือกลุ่มเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ สามารถติดต่อรับบริการได้ที่คลินิก ARI ในสถานบริการทุกแห่ง สำหรับโรงพยาบาลนางรองได้มีการกำหนดพื้นที่ในการรับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ และได้ติดตามอาการของผู้ป่วยทุกวัน ตามระยะเวลาที่กำหนด จึงขอให้ทุกท่านมั่นใจในระบบบริการสาธารณสุขของจังหวัดบุรีรัมย์ว่าสามารถดาเนินการป้องกันและควบคุมโรคได้
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนชาวบุรีรัมย์มีสติกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะการแพร่ระบาดเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย แต่จังหวัดบุรีรัมย์จะจัดการแก้ไขสถานการณ์ให้เฉียบขาด ประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัด หากรักลูกห่วงหลาน รักบ้าน ห่วงเมือง ให้อยู่ในที่อยู่ปัจจุบัน งดเดินทางเข้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์ เพราะหากรู้ตัวว่าเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ไปสัมผัสเชื้อแล้วเดินทางเข้าสู่จังหวัดบุรีรัมย์ก็จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ซึ่งทุกภาคส่วนจริงจังกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด ขอให้ชาวบุรีรัมย์ตลอดทั้งส่วนราชการทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหา ฝ่าวิกฤตไปด้วยกันเหมือนครั้งที่ผ่านมา และขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคน สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน 100%