ขอนแก่น - สาวแม่ลูกอ่อนขอนแก่นทนถูกกดขี่ไม่ไหวบุกร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านไผ่ ขอนแก่น ส่งสารถึง “ลุงตู่” พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เหตุถูกนายก อบต.เมืองเพียบอกเลิกจ้างให้ออกจากครูศูนย์เด็กโดยไม่เป็นธรรม ระบุนายก อบต.ใช้อำนาจละเมิดทางปกครอง
วันนี้ (7 ม.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นางสาวกัญญาพัชร ประชากูล อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 6 บ้านหัวหนอง ต.หัวหนอง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยนายณัฐกานต์ รัตนปัญญา อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/1 หมู่ 2 ซอยศรีชมมอญ 2 ถ.แจ้งสนิท เทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอคำปรึกษาต่อเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ดำรงธรรม โดยมี นางสุภาพร สายสุด ปลัดอาวุโสหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมและเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาและรับเรื่องร้องเรียน
นายณัฐกานต์ รัตนปัญญา เล่าว่า เดิมตนทำงานเป็นลูกจ้างที่ อบต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่นปฏิบัติงานที่กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งทำมาเป็นปีที่ 2 สัญญาปีต่อปี อัตราเงินเดือนเดือนละ 7,000 บาท สำหรับในปีงบประมาณ 2564 ทำสัญญากับ อบต.เมืองเพีย โดยเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563-30 กันยายน 2564 แต่แล้วจู่ๆ เมื่อประมาณปลายปี 2563 ซึ่งเพิ่งทำงานในปีที่ 2 ได้เพียง 2 เดือนเศษ หัวหน้างานก็ได้มาแจ้งตนและเพื่อนร่วมงานที่ทำสัญญาพร้อมกันอีก 3 คนว่าทางผู้บริหารจะได้เลิกจ้าง โดยให้มาทำงานถึงวันที่ 30 ธันวาคมเป็นวันสุดท้าย
นายณัฐกานต์เล่าอีกว่า หลังได้รับข้อมูลดังกล่าวทำให้ตนและเพื่อนทั้ง 3 คนรู้สึกตกใจ และเกิดความสงสัย ไม่เข้าใจว่าพวกตนทำความผิดอะไร และสาเหตุใดจึงจะถูกเลิกจ้างกลางคัน จะสอบถามผู้บริหารก็ไม่ได้เพราะไม่ค่อยได้พบกัน ขณะที่หัวหน้างานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสำนักปลัดก็อธิบายไม่ได้ บอกแค่ว่าทางผู้บริหารให้ทำบันทึกว่าเลิกจ้างงานลูกจ้างเหมาบริการ 4 ราย โดยอ้างเหตุผลว่าไม่มีงบประมาณสำหรับการจ้างงานดังกล่าว ตนและเพื่อนเห็นว่าบันทึกดังกล่าวไม่เป็นธรรมต่อตน
จึงได้มาขอคำปรึกษาและร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ เพื่อขอให้ทางผู้บริหาร อบต.ออกมาชี้แจงด้วย เพราะตนไม่อยากตกงาน โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาและช่วยเหลือกลุ่มผู้ตกงาน และว่างงานอยู่แล้ว แต่ผู้บริหาร อบต.เมืองเพียกลับเลิกจ้างงาน จึงเป็นการไม่สนองนโยบาย
ส่วนที่อ้างว่าไม่มีงบประมาณจ้างนั้น ตนไม่เชื่อเพราะตนทำงานในส่วนนั้น จึงรู้ว่ามีงบประมาณสำหรับบริหารจัดการ หรือเงินค่าจ้างดังกล่าว
ด้านนางสาวกัญญาพัชร ประชากูล กล่าวว่า ตนเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างของ อบต.เมืองเพียเป็นปีที่ 4 ซึ่งเป็นการทำสัญญาปีต่อปี รับเงินค่าจ้างรายเดือน เดือนละ 7,000 บาท ทั้งนี้ ตนปฏิบัติหน้าที่ครูผู้ดูแลเด็กที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.เมืองเพีย โดยล่าสุดทำสัญญากับ อบต.เมืองเพีย ระบุเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563-30 กันยายน 2564 ก่อนที่จะได้รับฟังคำบอกเล่าจากหัวหน้างานว่าถูกเลิกจ้างเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ซึ่งทำให้ตนและเพื่อนอีก 3 คนตกใจเป็นอย่างมาก
เนื่องจากสงสัยและไม่เข้าใจว่าตนทำความผิดอะไรถึงถูกผู้บริหาร อบต.เมืองเพียบอกเลิกจ้าง โดยที่นายจ้างไม่เคยเรียกไปพูดคุยหรือมีการประเมินประสิทธิภาพการทำงานเลย
นางสาวกัญญาพัชรบอกอีกว่า ที่ผ่านมาตนและเพื่อนต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพราะตนเองตอนนี้ก็เป็นแม่ลูกอ่อน มีบุตร 2 คน คนโต 4 ขวบ และคนเล็ก 1 ขวบ จึงรู้สึกรักและผูกพันกับเด็กทุกคนเหมือนลูก จากบันทึกเลิกจ้างงานตนและเพื่อนดังกล่าวจึงทำทุกคนตั้งตัวไม่ทันและทำใจไม่ได้ เพราะไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนว่าจะถูกให้ออกจากงาน ทุกวันนี้จึงรู้สึกเครียดถึงกับร้องไห้ เพราะหากตกงานคงจะไม่มีรายได้ซื้อนมเลี้ยงลูก
นอกจากนี้ยังต้องรับผิดชอบค่างวดรถและรายจ่ายของครอบครัวอีกด้วย จึงได้มาร้องขอความช่วยเหลือศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอให้ผู้บริหาร อบต.เมืองเพียทบทวนการออกหนังสือบันทึกเลิกจ้างงานดังกล่าว
ขณะที่นางสุภาพร สายสุด ปลัดอาวุโสหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านไผ่ กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวจะได้รีบออกหนังสือให้ผู้บริหาร อบต.เมืองเพียชี้แจง ทั้งนี้ ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อ นายวีระพงษ์ เทศน้อย นายก อบต.เมืองเพีย เพื่อขอคำชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยนายวีระพงษ์อ้างว่าอยู่นอกพื้นที่ และปฏิเสธในการให้ข้อมูล
ทั้งนี้ ญาติครูศูนย์เด็กและลูกจ้างที่ถูกบอกเลิกจ้างระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นการละเมิดทางการปกครอง จึงอยากวิงวอนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงมาดูเรื่องนี้ด้วย เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชน
โดยเฉพาะในช่วงเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่กลับถูกนายก อบต.เมืองเพียไล่ออกจากงานและตกงานดังกล่าว