พระนครศรีอยุธยา - กรุงเก่าเดินหน้าค้นหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกใจกลางเมือง ตรวจไปแล้วนับพันคนยังไม่พบเชื้อ พร้อมขอความร่วมมือมาตรการเข้มการเดินทางข้ามจังหวัด
วันนี้ (7 ม.ค.) ที่บริเวณด้านหน้าเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดตรวจ จุดคัดกรองเชิงรุกที่เพิ่มขึ้นอีก 1 จุดในวันนี้ โดยจัดจุดตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก Active Case Finding เป็นพื้นที่ใจกลางเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หลังพบมีประชาชนในพื้นที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเป็นความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สาธารณสุขจังหวัด เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา โรงพยาบาลการุณเวช ที่มาร่วมปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อเป็นการตรวจค้นหากลุ่มเสี่ยงหรือผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งบรรยากาศในช่วงเช้าพี่น้องประชาชนต่างเดินทางเข้ามารับการตรวจกันอย่างต่อเนื่อง หลังผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ล่าสุดรวมแล้ว 15 ราย แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ได้ไปมีกิจกรรมที่บ่อนไก่ จังหวัดอ่างทอง
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังกล่าวย้ำอีกว่า อยากให้ประชาชนช่วยกันเป็นสายสืบ หลังพบว่ามีบุคคลบางประเภทที่ใช้ชีวิตเสี่ยงแต่ไม่มาเข้าระบบการตรวจ ให้ท่านเป็นผู้ช่วยส่งข่าวสารให้ทางราชการ ทางเจ้าพนักงานควบคุมโรคของจังหวัด และอำเภอจะไปออกคำสั่งให้บุคคลนั้นเข้าสู่กระบวนการตรวจโรค ถ้าเขาไม่ทำเขาจะมีความผิดตามกฎหมาย ถ้าเราทำแบบนี้พร้อมเพรียงกันมั่นใจได้ว่าเราจะควบคุมโรคได้เร็วขึ้น
ในส่วนการตรวจเชิงรุกตั้งแต่เมื่อวานนี้ ตรวจไปแล้ว 6,644 ราย เนื่องจากเชื้อที่ส่งไปตรวจมีจำนวนมาก เราทราบผลแล้วประมาณ 2 พันกว่าคน เป็นผลลบ รออีกประมาณ 4,000 คนที่จะทราบผลในวันนี้วันพรุ่งนี้ สิ่งนี้ทำให้พบว่าประชาชนมีความตระหนักมากขึ้น กระตือรือร้น เพียงแต่ว่าบางคนที่ไม่มีความเสี่ยงใดๆ แต่มีความวิตกกังวล ทางจังหวัดมีสายด่วนของทางสาธารณสุขจังหวัดที่ให้คำปรึกษาได้ หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านก็สามารถให้คำปรึกษาได้เพื่อคลายความกังวลใจ
ด้านมาตรการเดินทางข้ามจังหวัด เนื่องจากจังหวัดพระนครศรรีอยุธยา เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด คือ สีแดง เพราะฉะนั้นคนที่จะเดินทางเข้าหรือออกจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำเป็นที่จะต้องอยู่ในมาตรการการคัดกรอง ส่วนที่ 2 ทางส่วนกลางให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งด่านตรวจ วันนี้จะเริ่มตั้งด่านตรวจแล้ว แต่เนื่องด้วยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเองนั้น เรามีสถานประกอบการอุตสาหกรรมถึง 2,700 แห่ง มีคนงานที่เป็นคนไทยประมาณ 340,000 คน ได้ให้ทางชมรมบริหารงานบุคคลของทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดได้ช่วยประเมินว่าคนงานที่ต้องเดินทางเข้าออก ซึ่งจะมีรถโดยสารพนักงานเข้าออกประมาณ 3,400-3,500 เที่ยวต่อวัน คนงานรวมๆประมาณ 140,000 คน ที่ต้องเดินทางจากจังหวัดข้างเคียง เข้ามาทำงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พอหมดกะก็ไปส่งกลับบ้าน ซึ่งถ้ามีการใช้มาตรการกักตัว 14 วันจะกระทบต่อการผลิตอย่างมาก
ซึ่งจังหวัดไม่ได้ละเลยในปัญหาส่วนนี้ คือ 1.ในสถานประกอบการเองทุกแห่งมีความระมัดระวังกันอย่างเต็มที่ มีการคัดกรอง มีการดูแลคนงานตามมาตรการสาธารณสุข แต่การเดินทางเข้าออกเราขอให้ทางผู้ประกอบการโดยผู้บริหารทำหนังสือรับรองกำกับไว้กับรถทุกคัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบว่ารถคันนี้บรรทุกคนจะไปไหนอย่างไรที่ไหน รถขนวัตถุดิบ ขนอะไหล่ อุปกรณ์ต้องทำหนังสือรับรอง เจ้าหน้าที่ด่านตรวจจะได้เก็บสำเนาไว้เพื่อสอบสวนโรคต่อไป
ในส่วนของคนงานทุกคนที่เข้าออกในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทางจังหวัดได้ร่วมกับสภาอุตสหากรรม หอการค้า และตัวแทนผู้ประกอบการได้ทำแบบเอ็กเซลฟอร์ม ซึ่งจะระบุว่าคนงานที่มาทำงานทั้งหมดชื่ออะไรหมายเลขโทรศัพท์ ภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน เส้นทางเดินทางเข้าออกเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะส่งมาที่สาธารณสุขจังหวัดเก็บเป็นข้อมูลไว้ ถ้าพบการติดเชื้อก็ง่ายต่อการไปทำการสอบสวนโรค ขอความร่วมมือผู้ประกอบการทุกท่าน แต่ถ้าพบมีการติดขัดอย่างไรก็สะท้อนมาทางจังหวัดเพื่อจะได้มีการปรับแก้ต่อไป คิดว่ามาตรการการควบคุมโรคที่บูรณาการร่วมกับภาคของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จะต้องไปด้วยกันให้ได้ ขอความร่วมมือให้ร่วมกันปฏิบัติ