พระนครศรีอยุธยา - ผู้ว่าฯ อยุธยาลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ในหลายอำเภอ หลังพบกลุ่มผู้ติดเชื้อเพิ่มและอยู่ในพื้นที่เขตติดต่อบ่อนไก่อ่างทอง รวมถึงพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อของแต่ละตำบลในแต่ละอำเภอ
วันนี้ (6 ม.ค.) ที่องค์การบริหารส่วนตำบลทับน้ำ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดตรวจ จุดคัดกรองเชิงรุก หลังพบว่าในพื้นที่มีผู้ติดเชื้อ โดยได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ โรงพยาบาลราชธานี โรงพยาบาลการุณเวช โรงพยาบาลศุภมิตรเสนา ได้แบ่งพื้นที่เพื่อลงตรวจหาเชื้อแบบเชิงรุก ซึ่งในพื้นที่ตำบลทับน้ำ อำเภอบางปะหัน โรงพยาบาลราชานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่หมอ พยาบาลมาทำการตรวจถึง 2 ตำบล แบ่งเป็นรอบเช้าประชาชนจากตำบลทับน้ำ ในรอบบ่าย เป็นประชาชนในพื้นที่ ตำบลบ้านม้า อำเภอบางปะหัน
จากนั้น นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังเดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจ จุดคัดกรองในพื้นที่ตำบลบ้านนา อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังมีการพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่เช่นกัน โดยมีทางโรงพยาบาลศุภมิตรเสนา จัดเจ้าหน้าที่หมอ พยาบาลมาทำการตรวจหาเชื้อเชิงรุก ซึ่งมีประชาชนมารอคิวตรวจ มีการสอบสวน กลั่นกรอง กระบวนการตรงนี้จะทำให้ค้นหาผู้ติดเชื้อได้เร็วขึ้น และจะนำไปสู่การควบคุมโรคได้ดีขึ้น
พร้อมฝากที่น้องประชาชนไว้ 2 ส่วนด้วยกันคือ ส่วนที่ 1.ระหว่างที่รอผลต้องควบคุมตัวเอง กักตัวเอง ไม่ใช้ชีวิตในความเสี่ยงที่จะแพร่ไปกับคนอื่น หรือแม้ทราบผลแล้วก็ยังไม่สามารถจะปล่อยตัวได้ ท่านจะยังต้องอยู่ในมาตรการ DMSTT ของกระทรวงสาธารณสุข เช่นเดิม ใช้หน้ากากผ้า รักษาระยะห่าง ล้างมือ ไปที่ไหนก็ต้องลงทะเบียนหรือเข้าโปรแกรมไทยชนะ เพื่อช่วยราชการในการควบคุมโรคได้อย่างดี
ในขณะเดียวกัน ให้พี่น้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ 1.ให้คนที่ยังไม่ทราบข่าวแต่มีความเสี่ยงที่สัมผัสโรคมาเข้าสู่กระบวนการตรวจโรค ท่านไม่สะดวกจะมาที่นี่ให้เดินไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน คุณหมอพร้อมตรวจให้ อันที่ 2.ให้ท่านช่วยเป็นหูเป็นตา เราพบว่ามีบุคคลบางประเภทที่ใช้ชีวิตเสี่ยงแต่ไม่มาเข้าระบบการตรวจให้ท่านเป็นผู้ช่วยส่งข่าวสารให้ทางราชการ ทางเจ้าพนักงานควบคุมโรคของจังหวัดและอำเภอจะไปออกคำสั่งให้บุคคลนั้นเข้าสู่กระบวนการตรวจโรค ถ้าเขาไม่ทำเขาจะมีความผิดตามกฎหมาย ถ้าเราทำแบบนี้พร้อมเพรียงกันมั่นใจได้ว่าเราจะควบคุมโรคได้เร็วขึ้น แล้วเราจะกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า อันนี้เป็นมาตรการเชิงรุกที่ทางสาธารณสุขเรียกว่า “แอ็กทีฟเคท” ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ล่าสุดรวมแล้ว 15 ราย แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 3 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรกกลุ่มที่ไปสัมผัสในกรณีค้าขายอาหารทะเลที่สมุทรสาคร กลุ่มที่ 2 จะเป็นกลุ่มที่มีการเกี่ยวพันกับบ่อนการพนันทางภาคตะวันออก แต่เป็นกลุ่มเล็ก แต่กลุ่มที่ใหญ่ที่พบเวลานี้ก็คือ กลุ่มที่ 3 ไปมีกิจกรรมที่บ่อนไก่ อ่างทอง ซึ่งกลุ่มใหญ่รายหลังๆ ตั้งแต่รายที่ 9 เป็นต้นมา เป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากแล้วอยู่ในตำบลที่ใกล้เคียงหรือต่อเนื่องกับจังหวัดอ่างทอง แม้ว่าทางสาธารณสุขจะเข้าไปนำคนสัมผัสชิด คนในครอบครัว หรือว่าคนที่เดินทางไปด้วยกันเข้าไปสู่ระบบการตรวจเชื้อแล้ว ผู้สัมผัสใกล้ชิดพบว่าผลตรวจเป็นลบ ยังไม่พบติดเชื้อถือว่าเป็นความโชคดีอย่างแรก
จังหวัดจึงได้มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ ขอให้โรงพยาบาลเอกชนภายในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาเป็นเครื่องมือช่วย ซึ่งเป็นความโชคดีที่เรามีโรงพยาบาลเอกชนที่มีศักยภาพสูงในพื้นที่เรา 3 โรงพยาบาล โรงพยาบาลราชธานี โรงพยาบาลการุณเวช โรงพยาบาลศุภมิตรเสนา ก็ได้แบ่งพื้นที่กัน เราได้มีการตรวจเชิงรุกตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มของอำเภอภาชี อำเภอผักไห่ อำเภอลาดบัวหลวง อำเภอบางปะอิน ที่พบเชื้อในกลุ่มแรกก็ตรวจเชิงรุกไป เป็นลบหมด ตอนนี้ในกลุ่มหลังเริ่มตั้งแต่เมื่อวานแล้วจะต่อเนื่องกันไป ก็จะตรวจในพื้นที่อำเภอบางปะหัน อำเภอมหาราช อำเภอบางปะอิน
สถานการณ์ล่าสุดตอนนี้พบเพิ่มอีก 3 ราย คือรายที่ 13, 14, 15 มี 2 คนแรก กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับบ่อนไก่โดยตรง เขาไปเล่นในบ่อนไก่แล้วได้รับเชื้อมา แต่คนที่ 3 ไม่ได้ไปเล่นในบ่อนไก่ แต่ว่าเป็นคนในครอบครัว ทั้ง 3 รายตอนนี้ นำเข้าสู่โรงพยาบาลแยกกักโรค ที่อำเภอนครหลวง เรียบร้อยแล้ว และผู้สัมผัสชิดกับผู้ติดเชื้อทั้ง 3 ราย ทางสาธารณสุขนำไปตรวจเชื้อแล้ว สิ่งที่เราทำเพิ่มเติมคือทั้ง 3 รายอยู่ในกลุ่มที่เราต้องหาผู้สัมผัสเพิ่มเติม นั่นคือมาตรการการตรวจเชิงรุกนี้ ซึ่งคิดว่าเป็นตัวช่วยที่จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ตัวที่จะป้องกันเสริมได้อย่างดีคือการใช้ชีวิตของพวกเราทุกคน ช่วงนี้ต้องใช้มาตรการของสาธารณสุขควบคุมตัวเองความตระหนกมีได้แต่ทุกท่านต้องอยู่ในความตระหนัก ว่าเราเป็นผู้หนึ่งในการช่วยป้องกันโรคด้วยมาตรการสาธารณสุขอย่างเต็มที่ สิ่งเหล่านี้จะเผชิญหน้าฝ่าฟันผ่านพ้นไปได้