ราชบุรี - จังหวัดราชบุรี คุมเข้ม 2 เท่า พื้นที่ติดพม่า สแกนโดวิด-19 ห้ามเข้า-ห้ามออก หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ตลาดกุ้ง ภายใน จ.สมุทรสาคร มากกว่า 800 คน
หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ตลาดกุ้ง ภายใน จ.สมุทรสาคร มากกว่า 800 คน พร้อมมีการสั่งล็อกดาวน์ จ.สมุทรสาคร โดยห้ามบุคคลภายในและบุคคลภายนอกจังหวัดเดินทางเข้า-ออกโดยเด็ดขาด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากสถานการณ์เริ่มลุกลาม เพราะเชื้อไวรัสได้กระจายไปยังจังหวัดอื่นๆ ด้วย ส่วนจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับ จ.สมุทรสาคร ได้ออกมาตรการรับมือเข้ม โดยได้มีการตั้งจุดตรวจคัดกรอง บริเวณบนถนนสายหลักพื้นที่รอยต่อตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่จังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนไทย-พม่า โดยเฉพาะ 10 จังหวัด กาญจนบุรี ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี แม่ฮ่องสอน ระนอง และราชบุรี ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับและเน้นย้ำนายอำเภอ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการและแนวทางปฏิบัติของการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านจุดผ่านแดนในพื้นที่รับผิดชอบโดยเคร่งครัด เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งให้บูรณาการส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ ติดตามค้นหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาและกลับออกประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย
สำหรับ จ.ราชบุรี พ.อ.วินิจ สว่างเนตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตามคำสั่งการของแม่ทัพภาคที่ 1 ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้กองกำลังสุรสีห์ โดยหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือรับผิดชอบพื้นที่ชายแดน 4 อำเภอ ใน จ.ราชบุรี คือ อ.สวนผึ้ง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี อ.แก่งกระจาน อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี ในการเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังสกัดกั้นตามแนวชายแดน เกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดในประเทศและประเทศพม่า ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างที่จะมีความรุนแรง
ปัจจุบัน หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือมีการตรวจสกัดกั้นเฝ้าระวังตามแนวชายแดน ซึ่งได้วางมาตรการเฝ้าระวังไว้ 3 แนว คือ เฝ้าระวังในหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่ตรงข้ามกับแนวชายแดน เพิ่มจุดสกัดกั้นบริเวณแนวชายแดน มีการวางกำลังจุดตรวจจุดต่างๆ ทั้งกำลังจากกองร้อยทหารพรานชายแดน เสริมด้วยหน่วยลาดตระเวนเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ และกำลังเพิ่มเติมจากหน่วยเคลื่อที่เร็ว มีการปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เข้าตรวจตามแนวชายแดนจาก จ.ราชบุรี ที่มีพื้นที่ 72 กม. และ จ.เพชรบุรี ที่มีพื้นที่ 121 กม. รวมตลอดแนวชายแดน 193 กม.
แนวทางที่ 2 คือ ชุมชนหมู่บ้านที่อยู่ติดกับชายแดน ได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างในส่วนของอำเภอทั้ง 4 อำเภอ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรในพื้นที่ ในการร่วมกันสกัดกั้น โดยผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน กำนันได้ร่วมกันในการจัดตั้งชุดลาดตระเวน จุดตรวจ จุดสกัดต่างๆ ทั้งแบบประจำที่และไม่ประจำที่ รวมทั้งการหาข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากชาวบ้านในพื้นที่ ในการช่วยกันเฝ้าระวังมีคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะว่าชาวบ้านในพื้นที่จะรู้ว่าใครเป็นคนในหมู่บ้าน ใครคือคนแปลกหน้า ส่วนพื้นที่ตอนในเป็นแนวทางที่ 3 ได้มีการบูรณาการกับทาง จ.ราชบุรี และเพชรบุรี รวมถึงผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.ราชบุรี และเพชรบุรี ในการที่จะสกัดกั้นตั้งจุดตรวจต่างๆ ในพื้นที่ตอนใน
ขณะที่นายสายชล จันทร์เพ็ญ นายอำเภอสวนผึ้ง เปิดเผยว่า มาตรการการป้องกันโรคโควิด-19 ในส่วนของ อ.สวนผึ้ง ซึ่งเป็นอำเภอที่มีพื้นที่ติดชายแดน ฉะนั้นมาตรการในการป้องกันโรคโควิด-19 จะมีความเข้มข้นมากกว่าพื้นที่ตอนในเป็น 2 เท่า สำหรับ อ.สวนผึ้งนั้นมีพื้นที่ติดพม่า ได้กำหนดมาตรการในการป้องกันโดยแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน
ส่วนแรกคือ ตามแนวชายแดนใน อ.สวนผึ้ง ระยะทาง 55 กิโลเมตร ได้มอบหมายให้กองกำลังสุรสีห์เป็นผู้ดูแลป้องกัน ซึ่งมีช่องทางเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ 11 ช่องทางนั้นมีการวางลวดหนามไว้ 3 ชั้น ทุกช่องทาง และส่วนที่ 2 คือกองกำลังสุรสีห์นั้นได้จัดเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงตอนนี้ได้มีชุดลาดตระเวนอีก 1 ชุด 24 นาย มีการเดินลาดตระเวนตลอดเส้นทางชายแดนทั้งหมด 55 กิโลเมตร และจัดกองกำลังในเส้นทางที่คาดว่าจะมีผู้ลักลอบเข้ามาได้ คือ เส้นทางแปดเหลี่ยม จึงเป็นที่ไว้วางใจได้ในบริเวณชายแดน
ส่วนพื้นที่ตอนในเรามอบหมายให้อำเภอสวนผึ้ง สถานีตำรวจภูธรสวนผึ้ง มีการตั้งด่านในพื้นที่ตอนใน ในช่วงกลางคืนซึ่งเป็นช่วงที่มีการหลบหนีเข้าเมืองมากที่สุด จึงวิเคราะห์กันว่าจะมีเส้นทางที่พี่น้องแรงงานจากพม่าจะลักลอบเข้าสู้พื้นที่ตอนในจะมีด้วยกัน 3 จุด เราได้ตั้งด่านโดยหมุนเวียนกันไปทุกวัน ตั้งแต่ 21.00-24.00 น. โดยการบูรณาการกับทุกภาคส่วนระหว่างตำรวจ พลเรือน และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้มีส่วนช่วยกันดูแล
ในส่วนของพื้นที่ทุกหมู่บ้าน เป็นหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ดูแลพี่น้องประชาชน หากมีคนที่เราไม่รู้จักหรือรู้จักแต่เป็นผู้ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ขอให้แจ้งผู้ใหญ่บ้านทันที เรามีมาตรการอยู่หากได้รับแจ้งแล้วจะต้องแจ้งไปยัง อสม.ต้องไปคัดกรองเบื้องต้นโดยการวัดไข้ ในส่วนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจะมีหน้าที่สอบสวนว่า ไปอย่างไรมาอย่างไร จะไปที่ไหน ซึ่งทำงานกันอย่างเข้มข้นตลอดมา
อีกส่วนหนึ่งคือศูนย์อพยพ ซึ่งขณะนี้มีผู้หนีภัยจากการทูตแล้ว 5,600 คน แบ่งเป็นทั้งหมด 16 ชุมชน เรามีการวางมาตรการป้องกันไม่ให้มีผู้ลักลอบเข้ามาอยู่ในศูนย์อพยพพักพิงนี้ ซึ่งมีการตั้งด่านตลอด 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา ก่อนจะมีโควิด-19 ที่พม่า
เรามีการจับกุมการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งหมด 17 ครั้ง ได้ผู้ต้องหา 40 คน
โดยใช้กระบวนการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด คือ ให้มาพักในพื้นที่ชั่วคราวอยู่ที่ตะโกปิดทอง หลังจากนั้นจะนำ อสม.เข้ามาคัดกรอง และทางอำเภอกับตำรวจสภ.สวนผึ้ง จะมาสอบสวน หากไม่พบการติดเชื้อจะดำเนินคดีลักลอบเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย และส่งต่อให้ ตม.ผลักดันกลับประเทศต่อไป ซึ่งทาง อ.สวนผึ้ง ยังจับผู้นำพาได้ 2 คน เป็นคนไทย 1 คน และอีกคนเป็นบุคคลที่ได้เลขมีสถานะการลงทะเบียน โดยตอนนี้มีการดำเนินคดีทั้ง 2 คนเรียบร้อยแล้ว