บุรีรัมย์ - อดีตสหาย ผกค.ในภาคอีสาน นัดรวมตัวแสดงพลังกันอีกครั้ง ณ ศูนย์ประสานงานผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) จ.บุรีรัมย์ ยืนยันเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมตอกย้ำหนุนการใช้ ม.112 ดำเนินคดีต่อนักการเมืองและทุกกลุ่ม ไม่เว้นแม้แต่เยาวชน-นักศึกษาที่ละเมิดสถาบันฯ เพราะเหยียบย่ำหัวใจคนไทยเกือบทั้งชาติ
วันนี้ (18 ธ.ค.) ณ ศูนย์ประสานงานผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) แห่งประเทศไทย บ้านโคกเก่า ต.หลักเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ นายอานนท์ แสนน่าน อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย เป็นประธานเปิดงาน “รวมพลังอดีตสหาย ผกค.ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์”
โดยมีนายศักดิ์ชาย พรหมโท ประธานกลุ่ม ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย นายอนุรักษ์ แสนเวียง ประธานกรรมการ ผรท.ภาคอีสาน นายสุพล หมื่นศรีพรม ประธานกลุ่ม ผรท.รักสันติ นายปิยะ ผูกจิต ประธาน ผรท.กลุ่มอุบลราชธานี นางอาภรณ์ เนื่องสมศรี ประธาน ผรท.กลุ่มจังหวัดขอนแก่น นางอ้อม กาบขุนทด ประธาน ผรท.กลุ่มจังหวัดนครราชสีมา และอดีตสหาย ผกค.เก่า ร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
นายอนุรักษ์ แสนเวียง หรือสหายน่าน ประธานกรรมการ ผรท.ภาคอีสาน กล่าวว่า วันนี้พวกเราอดีตสหาย ผกค.เก่า ได้ออกมารวมกันแสดงพลังจุดยืนเพื่อต่อสู้และปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่ถูกกลุ่มนักการเมือง พรรคการเมือง และกลุ่มนักศึกษาที่มีความเห็นต่าง จาบจ้วงคิดจะล้มล้างสถาบันฯ ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวและเป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย การออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยภาคอีสาน 20 จังหวัด ในครั้งนี้ เพราะทุกคนต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหาบูรพกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ที่มีคุณูปการหาที่สุดมิได้
“กลุ่ม ผรท.จึงต้องออกมาต่อต้านผู้ที่คิดไม่ดีต่อสถาบันหลัก เพื่อปกป้องยอมสละชีวิต มิให้ใครมาทำลาย พร้อมทั้งได้เดินรณรงค์ปลุกจิตสำนึกให้ชาวอดีตสหาย ผกค.และประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมรวมตัวกันออกมาประณามกลุ่มที่จาบจ้วงหวังล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์”
นายสุพล หมื่นศรีพรม หรือสหายธวัชชัย ประธานกลุ่ม ผรท.รักสันติ กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาการต่อสู้ของอดีตสหาย ผกค.ออกมาเรียกร้องให้ความเสมอภาคต่อประชาชน โดยต้องการประชาชนอยู่ดีกินดีเท่านั้น และที่สำคัญเราออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและกลุ่มอดีตสหายเองก็มีความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ไม่เคยคิดจะจาบจ้วงหรือหวังล้มล้างสถาบันแต่อย่างใด แต่มาวันนี้พวกเราเห็นพฤติกรรมของลูกหลานกระทำเกินไป เหยียดหยามหัวใจของประชาชนอย่างมาก
อยากจะบอกว่าบรรพบุรุษของเราแม้แต่อดีตสหาย ผกค.และประชาชนรุ่นหลังที่พวกเรายอมเสียเลือดเนื้อเพื่อปกป้องสถาบันหลัก นั่นคือชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ในการต่อสู้พวกเราจะจงรักภักดีเป็นอย่างมาก ขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดกับพวกจาบจ้วงและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างรวดเร็วและให้ถึงที่สุด
ด้านนายอานนท์ แสนน่าน อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย เล่าว่า อดีตสหาย หรือผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ผกค.ได้ประสานไปทางนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงจุดยืนว่าอดีตสหาย ผกค.เก่า ได้พัฒนาตัวเองมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรือ ผรท. ต้องการแสดงจุดยืนในการสนับสนุนใช้มาตรา 112 จัดการต่อผู้ที่หวังล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นอดีตสหายเก่าจาก เขตงาน 203 เขตงาน 207 เขตงาน 222 เขตงาน 333 เขตงาน 555 เขตงาน 666 ส่วนมีคำสั่ง 66/23 ประกาศใช้โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีการเจรจาให้วางอาวุธปืนมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเพื่อพัฒนาประเทศไทยไปด้วยกัน
โดยทางรัฐบาลก็ให้การเยียวยาดูแลการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนกลุ่มอดีตสหายเก่ามาอย่างต่อเนื่อง ภาย ใต้ร่มโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่รัชกาลที่ ๙ จนมาถึงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงเป็นประมุขของประเทศ ทรงปกครองประชาชนและแผ่นดินไทยให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา ทรงเป็นมิ่งขวัญและเป็นศูนย์รวมความสามัคคีของประชาชนชาวไทยทั้งชาติ