ประจวบคีรีขันธ์ - โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง อบจ. ประจวบคีรีขันธ์ กลิ่นไม่ค่อยดี หลังมีกระแสซื้อสิทธิขายเสียง หัวละ 1-2 พันบาท “วิชิต ปลั่งศรีสกุล” ผู้สมัครนายกฯ เผยยื่นหนังสือให้ผู้ว่าฯ และ กกต. ตรวจสอบแล้ว
ค่ำวานนี้ (14 ธ.ค.) ที่สวนสาธารณะโผนกิ่งเพชร เทศบาลเมืองหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อบจ.) หมายเลข 2 พร้อมด้วยทีมงานผู้สมัครสมาชิกสภา ได้ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่ อ.หัวหิน ซึ่งเป็นอำเภอสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง โดยได้แสดงวิสัยทัศน์และนโยบายต่างๆ โดยมีประชาชนสนใจเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยโดยการนั่งเว้นระยะห่าง แบบ New Normal เพื่อป้องกันโควิด-19
นายวิชิต กล่าวว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปรียบเสมือนเพชรที่ต้องมีการเจียระไนให้สวยงามมากขึ้น หากได้รับความไว้ใจจากพี่น้องประชาชนให้เข้ามาเป็นนายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ จะเข้ามาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ในทุกด้าน ทั้งด้านเกษตร ท่องเที่ยว การศึกษา โดยเฉพาะด้านการศึกษา อยากเร่งผลักดันให้มีมหาวิทยาลัยในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน ไม่ต้องเดินทางไปเรียนต่างจังหวัด หรือกรุงเทพมหานคร รวมถึงด้านกีฬา ที่ขณะนี้มีข่าวลือว่า หากตนเข้ามาดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ จะล้มทีมฟุตบอลประจวบ เอฟซี ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน แต่จะทำให้ทีมประจวบ เอฟซีให้ดีกว่าเดิมด้วย และพร้อมสร้างทีมฟุตบอลในทุกอำเภอเพื่อให้ลูกหลานได้เล่นกีฬามีโอกาสเป็นนักฟุตบอลในอนาคตได้สร้างซื้อเสียงให้แก่ประจวบคีรีขันธ์ ทำควบคู่กันไปกับทีมประจวบ เอฟซี
"มองว่าอย่างน้อยเมื่อเข้ามาพัฒนาประจวบคีรีขันธ์ เรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งคือสิ่งสำคัญ เป็นเรื่องที่จะต้องส่งเสริมสนับสนุน เพราะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อบจ. การแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องเกษตรกร การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ ผลผลิตมีน้อยเพราะขาดแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ อบจ.โดยตรงที่จะเข้าไปดูแล เข้าไปส่งเสริม แก้ไขปัญหาให้ เรื่องการศึกษาซึ่งก็สำคัญที่ต้องสงเสริม ปัจจุบันเด็กประจวบฯ ขาดโอกาสในการเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย เพราะไม่มีมหาวิทยาลัยในประจวบคีรีขันธ์ ต้องเดินทางไปเรียนที่ต่างจังหวัด อบจ.มีอำนาจหน้าที่ที่จะเชื่อมโยงกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้จัดสรรงบประมาณลงมาท้องถิ่น ดึงงบประมาณมาสร้างมหาวิทยาลัยในประจวบคีรีขันธ์ ยืนยันว่าประจวบคีรีขันธ์ต้องดีกว่านี้"
ผู้สมัครนายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ กกต.ประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียงในพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์นั้น ซึ่งผู้สมัคร ส.อบจ.ในเขตต่างๆ และประชาชนแจ้งเบาะแส มาที่ตนว่ามีการซื้อสิทธิขายเสียง หัวละ 1,000-2,000 บาท ล่าสุดวันนี้ รอง ผอ.กกต.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แจ้งว่าจะลงพื้นที่ตรวจสอบทันทีแล้ว ตนเองอยากสร้างความโปร่งใส สุจริต ต้องการให้การเรื่องตั้งครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่โกงการเลือกตั้ง ให้มีการจับกุมดำเนินคดี