ศรีสะเกษ - เจ้าของโรงแรมดังศรีสะเกษแจ้งจับหนุ่มอุบลฯ แอบอ้างสถาบันฯ เบี้ยวค่าโรงแรม ค่าแท็กซี่ และหมอนวด เผยเดือดร้อนเศรษฐกิจย่ำแย่เพราะโควิด-19 ไม่น่ามาซ้ำเติม ขณะตำรวจสืบรู้ชื่อที่อยู่แล้ว เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ นางจันทร์เพ็ญ ปริปุณณะชัย อายุ 66 ปี เจ้าของโรงแรมคุ้มล้านนา ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ล้านนาชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ อยู่บ้านเลขที่ 409/3 หมู่ 3 ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้นำเอาเอกสารหลักฐานเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.สำราญศักดิ์ แซงเพชร รอง สว.(สอบสวน) สภ.ศรีสะเกษ เพื่อให้ดำเนินคดีต่อชายคนหนึ่งอ้างว่าชื่อ นายทรงฤทธิ์ โดยได้มาเข้าพักที่โรงแรมคุ้มล้านนาและไม่ยินยอมแสดงบัตรประจำตัวประชาชน
โดยแอบอ้างว่ามาจากสำนักพระราชวัง ได้เข้าพักที่โรงแรมเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันที่ 7 ธ.ค. 63 และเมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 9 ธ.ค. 63 นายทรงฤทธิ์ได้เช็กเอาต์ออกจากโรงแรม โดยมีค่าใช้จ่ายจำนวนทั้งสิ้น 4,700 บาท และนายทรงฤทธิ์ไม่ยินยอมชำระค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และได้เรียกรถแท็กซี่มารับที่โรงแรม แล้วนั่งรถแท็กซี่ออกไป ซึ่งตนได้พยายามติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่นายทรงฤทธิ์ให้ไว้แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน โดยนางจันทร์เพ็ญได้นำเอาหลักฐานและรูปภาพของชายที่อ้างว่าชื่อนายทรงฤทธิ์มามอบแก่ ร.ต.อ.สำราญศักดิ์ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันรับแจ้งความไว้แล้ว
นางจันทร์เพ็ญกล่าวว่า ที่ตนมาแจ้งความดำเนินคดีต่อชายคนที่อ้างว่าชื่อ นายทรงฤทธิ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่โรงแรมและคนอื่นๆ อีกต่อไป ขณะนี้โรงแรมของตนและโรงแรมต่างๆ รวมทั้งผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ กำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่น่าที่จะมาสร้างความเดือดร้อนซ้ำเติมพวกตนให้ได้รับความเดือดร้อนมากกว่าเดิมแบบนี้เลย
นางจันทร์เพ็ญ ปริปุณณะชัย เจ้าของโรงแรมคุ้มล้านนา กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการเปิดห้องพักพนักงานของโรงแรมได้พยายามขอบัตรประจำตัวประชาชนจากชายที่อ้างว่าชื่อนายทรงฤทธิ์ แต่ว่านายทรงฤทธิ์ได้พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยินยอมแสดงบัตรประจำตัวประชาชน โดยอ้างว่ามาจากสำนักพระราชวัง มาปฏิบัติราชการลับ จากนั้นนายทรงฤทธิ์ได้สั่งอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปกินในห้องจำนวนมาก รวมเป็นเงิน 4,700 บาท และมีการโทรศัพท์เรียกหมอนวดแผนโบราณให้มานวดที่ในห้องของโรงแรมด้วย ค่าหมอนวดเป็นเงินจำนวน 700 บาท ก็ไม่ยอมจ่าย อ้างว่าจะโอนเงินให้ทีหลัง และค่าบริการแท็กซี่ จำนวน 2,000 บาท รวมกับเงินที่ขอยืมจากคนขับรถแท็กซี่ จำนวน 600 บาท เป็นเงิน 2,600 บาท ก็ไม่ยอมจ่ายให้เช่นกัน
ร.ต.อ.สำราญศักดิ์ แซงเพชร รอง สว.(สอบสวน) สภ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้รายงานเรื่องนี้ให้ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ รับทราบแล้ว และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ สามารถสืบทราบอย่างรวดเร็วแล้วว่าชายคนดังกล่าวชื่อ-นามสกุลอะไร โดยผู้ต้องหามีบ้านพักอยู่ที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ซึ่งขณะนี้ ผกก.สภ.ศรีสะเกษได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.พิเนตร ดาวเรือง รอง ผกก.สส.และ พ.ต.ท.ฐานะกิจ รัตนพันธ์ สว.สส.สภ.เมืองศรีสะเกษ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไปแล้ว